เมษายน 3, 2021

อันดับแรกเป็นบทรีวิวเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง หลักฐานนี้เห็นได้จากสถิติที่น่าประทับใจจากตลาดแรงงาน โดยจำนวนตำแหน่งงานใหม่ที่สร้างขึ้นมานอกภาคการเกษตร (NFP) เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเทียบกับตัวเลขในช่วงก่อนหน้า (เติบโตจาก 468K เป็น 916K) และนอกจากนี้ ยังเกินตัวเลขคาดการณ์ (647K) เกือบหนึ่งในสาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ ISM เพิ่มขึ้นมาจาก 60.8 เป็น 64.7 อีกทั้งรายงาน ADP ชี้ว่า อัตราการจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจาก 176K เป็น 517K ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงการกระตุ้นทางการคลังของเศรษฐกิจและการอัดฉีดเงินนั้นเริ่มได้ผล แต่มันจะเป็นผลดีกับดอลลาร์หรือไม่?
    แน่นอนนี่ยังรวมถึงผลตอบแทนในระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตลอดจนแนวโน้มนโยบายทางการเงินในช่วงสองสามปีข้างหน้า นักลงทุนรู้สึกอ่อนไหวกับถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟด เกี่ยวกับโอกาสในการจำกัดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
    ในอีกด้านหนึ่ง ถ้อยแถลงของผู้บริหารธนาคารเฟดก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอย่างน้อยจะถึงปี 2023 ธนาคารเฟดจะไม่มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ของนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แต่อย่างใดเช่นกัน โดยเชื่อว่าการอัดฉีดเงิน $1.9 ล้านล้าน ในเศรษฐกิจจะค่อนข้างเพียงพอแล้ว แต่อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็นำเสนอแผนการใช้งบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุดใหญ่ $2.25 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธที่ 31 มีนคม ควบคู่กับมาตรการทางการเงินเพื่อเพิ่มภาษีอื่น ๆ ซึ่งหากเงินที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ไม่ได้มาจากการพิมพ์ธนบัตรแต่เป็นต้นทุนของการเพิ่มภาระทางภาษี สิ่งนี้จะหมายถึงมาตรการ QE ถูกจำกัด และจะทำให้เงินไหลเวียนออกจากตลาดหุ้นและเข้าสู่ตลาดพันธบัตรรัฐบาล
    แต่ในขณะนี้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแผนการเท่านั้น ตลาดก็ยังถูกแช่แข็งรอความคืบหน้า คู่ EUR/USD ได้ขยับในเทรนด์ด้านข้างตามที่คาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (70%) ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว และราคาเข้าใกล้ระดับ 1.1700 แต่จากนั้น แผนการใหม่ของนายไบเดนก็ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนกลับทิศทางและแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม การรีบาวด์นี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ คู่นี้เพิ่งกลับสู่ช่วงที่เคยขยับเมื่อวันที่ 25-30 มีนาคม และปิดตลาดท้ายสัปดาห์การเทรดในโซนเดียวกันที่ระดับ 1.1760
  • GBP/USD โดยทั่วไป กราฟของคู่นี้มีความคล้ายคลึงกันกับกราฟ EUR/USD โดยมีข้อแตกต่างพื้นฐานประการเดียว คือ หากยูโรยังคงอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์ เงินปอนด์ก็จะพยายามตรึงตัวไว้แม้จะยากลำบาก ในครั้งนี้ การเติบโตของ GDP สหราชอาณาจักรในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ที่ 1.3% ถูกทบทวนให้ปรับขึ้น และดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจก็ช่วยหนุนตัวเลขดังกล่าว
    เราขอทบทวนว่า ในการวิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ผู้เชี่ยวชาญ 40% โหวตว่าดอลลาร์จะแข็งค่า 10% โหวตว่าเงินปอนด์จะแข็งค่า และ 50% โหวตให้กับเทรนด์ด้านข้าง โดยรวมแล้ว ทุกคนทำนายได้ถูกต้อง ราคาขยับลดลงมาที่ 1.3705 และขึ้นมาที่ 1.3850 และท้ายที่สุดก็ปิดเหนือจุดเริ่มต้นเพียง 40 จุด โดยเริ่มต้นสัปดาห์ที่ 1.3790 และปิดที่ 1.3830
  • USD/JPY นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) ได้คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะแข็งตัวเหนือระดับ 110.00 ส่วนอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 75% เห็นด้วยกับสถานการณ์นี้ และปรากฏว่าทำนายออกมาได้อย่างถูกต้องโดยสมบูรณ์ ราคาคู่นี้ขยับขึ้นทิศเหนืออย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม และทำระดับสูงสุดในรอบปีในวันพุธที่ 31 มีนาาคม ที่ 110.95 การปรับฐานที่รอกันมาอย่างยาวนานไม่ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง และราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 110.65
  • คริปโตเคอเรนซี บิทคอยน์กำลังบุกระดับ $60,000 อีกครั้ง ณ ขณะที่กำลังเขียนบทวิเคราะห์นี้ ราคาสูงสุดในตอนนี้อยู่ที่ $60,170 อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ราคาแตะระดับสำคัญดังกล่าวก็ตามมาด้วยคลื่นเทขายอีกครั้ง ทำให้ราคาย่อตัว อย่างไรก็ตามการย่อตัวดังกล่าวก็ยังไม่หนักนัก สิ่งนี้จึงชี้ว่ามีคนน้อยลงที่อยากจะละทิ้งบิทคอยน์ที่ระดับดังกล่าว นักลงทุนกำลังรอให้ราคาทะยานขึ้น และการปรับฐานเล็ก ๆ ก็เป็นโอกาสให้พวกเขาได้เติมเหรียญในช่วงที่ราคาย่อตัว
    บิทคอยน์จำนวนมหาศาลกำลังไหลเข้าสู่กระเป๋าเงินเย็น ซึ่งแสดงว่าเหล่าสถาบัน “ปลาวาฬ” กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตขึ้นของ BTC และมองสินทรัพย์นี้ในฐานะการลงทุนระยะยาว ข่าวก็ส่งผลต่อแนวโน้มนี้เช่นกัน “เราเห็น Square, Tesla, MicroStrategy และอื่น ๆ กำลังกว้านซื้อบิทคอยน์” กล่าวโดย Catherine Woods ซีอีโอ ARK Invest ขณะนี้ คริปโตเคอเรนซีเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ และการประกาศขายรถยนต์ Tesla ด้วยบิทคอยน์จะช่วยให้คุณสามารถทำธุรกิจในทุกภูมิภาคได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินแลกเปลี่ยนเงินพันธบัตร” ระบบการชำระเงินขนาดใหญ่อย่าง PayPal ก็เข้าร่วมในศึกคริปโตด้วยเช่นกัน โดยวางแผนจะให้บริการลูกค้าให้สามารถซื้อของด้วยบิทคอยน์ในุทกร้านค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท ซึ่งจำนวนกว่า 29 ล้านแห่งรอบโลก ตามรายงานของรอยเตอร์ส นอกเหนือจากบิทคอยน์แล้ว PayPal ยังวางแผนที่จะรับรองการชำระเงินในสกุล Bitcoin Cash, Ethereum และ Litecoin อีกด้วย
    เราสามารถพูดถึงการยอมรับคริปโตเคอเรนซีอย่างช้า ๆ ในหลายภาคส่วนในเศรษฐกิจในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายสถาบันยังคงกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับทัศนคติของหน่วยงานกำกับดูแลต่อสินทรัพย์ประเภทนี้ และที่สำคัญที่สุดก็คือรัฐบาลสหรัฐฯ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า แม้ว่าบิทคอยน์และอัลท์คอยน์สกุลหลักทำหน้าที่เป็นที่เก็บมูลค่าและสินทรัพย์เก็งกำไร ทางการสหรัฐฯ ยังคงทำเป็นมองไม่เห็น แต่ทันทีที่บิทคอยน์เริ่มแข่งขันกับดอลลาร์ในฐานะสื่อกลางการชำระเงินและระบบชำระเงินระหว่างประเทศ ทัศนคติของทางการก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก แถมความริเริ่มของ PayPal และระบบการชำระเงินอื่น ๆ ยังอาจจะส่งผลให้เกิดท่าทีตอบรับในทางลบจากทางการ ตัวอย่างนี้เห็นได้จากเหรียญ Libra ของ Facebook ที่ถูกปัดตกไปในที่สุด
    ในระหว่างนี้ คริปโตเคอเรนซียังคงพยายามยืนให้เหนือระดับ $60,000 และมูลค่ารวมในตลาดพยายามที่จะขยับเหนือระดับจิตวิทยาที่สำคัญที่สุดคือ $2.0 ล้านล้านดอลลาร์ โดยได้ขยับถึงระดับ $1.993 พันล้านอดลลาร์ในวันที่หนึ่งเมษายน แต่ก็ถอยกลับมายัง $1.936 พันล้านดอลลาร์ในวันศุกร์ ทั้งนี้ ส่วนแบ่งในการครองตลาดของบิทคอยน์นั้นลดลงเล็กน้อยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จาก 59.56% เหลือ 57.88% นอกจากนี้ ส่วนแบ่งในตลาดคริปโตลดลงมาเหลือ 55.50% ในวันที่ 1 เมษายน เหตุผลนี้ก็คือการปิดตำแหน่งซื้อเมื่อคู่ BTC/USD ขยับถึงระดับ $60,000
    ดัชนี Crypto Fear & Greed Index เริ่มขยับขึ้นอีกครั้ง โดยปรับขึ้นมา 20 จุดในรอบสัปดาห์ จาก 54 เป็น 74 และเข้าใกล้กับโซน overbought สูง

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ยุโรปกำลังเตรียมรับมือกับคลื่นไวรัสโคโรนาระลอกใหม่ อัตราการฉีดวัคซีนแม้จะเร่งตัวขึ้น แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้า มีเพียง 16.5% ของประชากรอียูที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสในขณะนี้ เทียบกับ 45.6% ในสหรัฐฯ สถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นด้วยคำสั่งล็อคดาวน์ต่ออีกหนึ่งเดือน ประกอบกับการขาดแผนการของอียูในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คล้ายกันกับของอเมริกา นี่จึงอาจเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมให้กับดอลลาร์และกดดันเงินยูโร
    นักวิเคราะห์จากธนาคารญี่ปุ่น Daiwa Securities ชี้ว่า ขณะนี้ ดอลลาร์กำลังถูกซื้อไม่ใช่โดยนักเก็งกำไรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้จัดการสินทรัพย์ และในความเห็นของพวกเขา ดัชนี DXY จะขยับขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวและผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น แนวโน้มดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Nordea Markets ซึ่งคาดว่า EUR/USD จะปรับลดลงมายังระดับ 1.1500
    อีกด้านหนึ่งนั้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ คุกรุ่น นอกจากนี้ ตามการคาดการณ์ของ WTO เงินดอลลาร์ที่มากเกินไปในประเทศจะนำไปสู่ความต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 11.4% ซึ่งอุปสงค์เหล่านี้จะต้องอาศัยสินค้าส่งออกมาจากเอเชียและยุโรป และหากประเทศในยูโรโซนเร่งการฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ความได้เปรียบก็จะกลับมาเป็นของฝั่งค่าเงินยุโรป
    ทั้งนี้มีความชัดเจนในการวิเคราะห์กราฟ ออสซิลเลเตอร์ 75% และอินดิเคเตอร์เทรนด์ 95% บนกรอบ D1 ยังคงเป็นสีแดงในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ออสซิลเลเตอร์ที่เหลือ 25% ให้สัญญาณแล้วว่าราคาอยู่ในช่วง oversold ในกรอบ H4 กลับให้ภาพรวมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยอินดิเคเตอร์ประมาณครึ่งหนึ่งปรับมาเป็นสีเขียว
    ในส่วนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 55% มองว่าราคาคู่นี้จะขยับขึ้นในสัปดาห์หน้า แต่เมื่อปรับมาเป็นการวิเคราะห์รายเดือน จำนวนดังกล่าวเพิ่มเป็น 65% เป้าหมายของตลาดหมีคือ 1.1700 และระดับต่ำสุดของเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ 1.1600 ส่วนเป้าหมายของฝั่งกระทิงคือ 1.1885 และ 1.2000
    สำหรับเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์หน้านี้ เราอาจพูดถึงการประกาศดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจโดย ISM ในภาคบริการ ซึ่งจะประกาศในวันจันทร์ที่ 5 เมษายน การประกาศรายงานการประชุมของ FOMS ธนาคารเฟดสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 7 เมษายน และถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ในวันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน
  • GBP/USD ค่าเงินปอนด์อาจแข็งค่าต่อได้อย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนแรกของปี 2021 โดยเฉพาะหากมีเงินทุนกลับเข้ามาในประเทศจากที่เคยไหลออกไปเนื่องด้วยปัญหาเบร็กซิต เงินปอนด์ยังคงได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จในระยะแรกต้นของการฉีดวัคซีน COVID-19 อย่างไรก็ตาม นี่อาจไม่เพียงพอเนื่องด้วยปัญหาต่าง ๆ ทั้งการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากอียู การขาดดุลการค้า และการขาดดุลงบประมาณของประเทศ
    อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) ค่อนข้างมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับอนาคตของเงินปอนด์ในขณะนี้ 15% ทำนายว่าค่าเงินจะอ่อนค่า และที่เหลือ 20% ยืนยันในเทรนด์ด้านข้าง
    โดยระดับ 1.3850 ถูกกำหนดให้เป็นโซนแนวรับ/แนวต้านของช่วงแปดสัปดาห์ที่ผ่านมา การวิเคราะห์กราฟให้ภาพการเคลื่อนด้านข้าง ในส่วนกรอบ H4 กรอบการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 1.3755-1.3850 ส่วนกรอบ D1 ให้กรอบที่กว้างกว่ามากที่ 1.3670–1.4000
    ออสซิลเลเตอร์ 85% และอินดิเคเตอร์เทรนด์ 70% บนกรอบ D1 ชี้ไปทางทิศเหนือ นอกจากนี้ ฝั่งสีเขียวยังได้เปรียบในหมู่อินดิเคเตอร์เทรนด์บน H4 ซึ่งมี 75% แต่ในส่วนออสซิลเลเตอร์มี 60% ที่ให้สัญญาณเทากลาง และ 20% ให้สัญญาณเป็นสีแดงและเขียว
  • USD/JPY เราเคยอธิบายไว้แล้วหลายครั้งว่า อัตราแลกเปลี่ยนของคู่นี้นั้นได้รับอิทธิพลจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นยังไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับท่าทีตอบโต้ต่อผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ และจะทำอย่างไรกับของญี่ปุ่นเอง หากพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง และธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่มีท่าทีรับมือกับสถานการณ์นี้ สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อเงินเยนได้อย่างรุนแรง และเงินเยนเองก็ประสบกับภาวะทรุดตัวที่ค่อนข้างหนักหน่วงอยู่แล้ว โดยปรับตัวลงมาถึง 800 จุด เทียบกับดอลลาร์ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
    ในขณะนี้ อินดิเคเตอร์เทรนด์ 85% บนกรอบ H4 และ 100% บน D1 หันไปทางทิศเหนือ ส่วนออสซิลเลเตอร์ 60% บน H4 และ 65% บน D1 หันไปทางทิศเดียวกัน สัญญาณที่เหลือชี้ว่าราคานั้นอยู่ในช่วง overbought
    และภาพรวมที่น่าสนใจและผิดความคาดหมายเป็นอย่างมากปรากฏขึ้นในผลการสำรวจของหมู่นักวิเคราะห์ ในการวิเคราะห์รอบสัปดาห์ 70% เห็นด้วยว่าราคาจะปรับฐานลงทิศใต้ และ 30% โหวตให้เทรนด์ด้านข้าง ส่วนจำนวนที่โหวตว่าราคาจะขยับขึ้นนั้นเป็นศูนย์ นอกจากนี้ เมื่อปรับมาเป็นการวิเคราะห์รายเดือน จำนวนผู้สนับสนุนตลาดหมีเพิ่มขึ้นเป็น 90% การวิเคราะห์กราฟบนทั้งสองกรอบเวลาก็สนับสนุนแนวโน้มตลาดหมีเช่นกัน โดยมีแนวรับที่ 110.35, 109.85, 109.00 และ 108.50 ส่วนแนวต้านใกล้ที่สุด คือ 111.00 เป้าหมายของตลาดกระทิง ได้แก่ 111.70 และ 112.20
  • คริปโตเคอเรนซี อย่างที่เน้นย้ำมาแล้วหลายครั้ง “ปลาวาฬ” กักตุนบิทคอยน์จำนวนมากไว้ในกระเป๋าเงินเย็น ตามรายงานของ Glassnode ไม่ใช่แค่ปริมาณของสินทรัพย์เงินคริปโตแบบกระเป๋าเย็นเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น แต่รวมถึงจำนวนนักลงทุนระยะยาวอีกด้วย เช่น นาย Oystein Stray Spetalen เศรษฐีพันล้านชาวนอร์เวย์ ผู้เปลี่ยนทัศนคติของเขาต่อบิทคอยน์ในเวลาเพียงหนึ่งวัน! เมื่อวันที่ 18 มีนาคม เขายังเรียกร้องให้ทางการอียูแบนเงินคริปโต และหนึ่งวันถัดมา… เขาก็กลายเป็นนักลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต Miraiex ของนอร์เวย์เสียเอง โดยกล่าวว่า “เมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง ผมก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน” เศรษฐีชาวนอร์เวยอีกท่านหนึ่ง Kjell Inge Rokke ผู้เปิดบริษัทเฉพาะทางในการลงทุนในบิทคอยน์อาจเป็นผู้ที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ “ผมไม่สามารถปล่อยให้เขาทำเงิน แต่ผมไม่ได้ทำด้วยไม่ได้” นาย Spetalen กล่าว
    แล้วเราจะยังมีโอกาสในการทำเงินจากบิทคอยน์ในเร็ว ๆ นี้ได้อีกหรือไม่? ในช่วงวัฎจักรปัจจุบัน ราคาคริปโตได้ขยับขึ้นมาเกือบ 500% นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 และทำนิวไฮใหม่เหนือ $60,000 บิทคอยน์ทะยานขึ้นมาในช่วงสองเดือนแรกของปี 2021 แต่ก็ยังเจออุปสรรคกีดขวางในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า สถิติในอดีตชี้ว่าหลังจากการย่อตัวในเดือนมีนาคม ราคาบิทคอยน์อาจเติบโตต่อไปในเดือนเมษายน “ฤดูกาลอาจเป็นปัจจัยที่ชี้ชะตา” กล่าวโดย Danny Scott ประธานตลาดแลกเปลี่ยน CoinCorner กล่าวในบทสนทนากับ Forbes เดือนเมษายนมักจะโดดเด่นเพราะว่าเป็นช่วงท้ายระยะเวลาภาษีของสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ หากเราเริ่มจากข้อมูลในอดีต เดือนเมษายนอาจจบลงด้วยแนวโน้มขาขึ้น"
    กล่าวคือ สถิติชี้ว่าบิทคอยน์ขยับขึ้นมาโดยเฉลี่ย 51% ในเดือนเมษายนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากสถานการณ์นี้ซ้ำรอยอีกครั้ง ในครั้งนี้ ราคาอาจขึ้นไปถึงประมาณ $80,000 ภายในสิ้นเดือนนี้ มีเพียงเดือนเมษายนสองเดือนเท่านั้นที่เป็นลบ คือ ปี 2014 (-6%) และ 2015 (-4%) แต่ทั้งสองครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงวัฎจักรตลาดหมี เราจึงควรพิจารณาถึง “สภาวะปัจจุบันในอุตสาหกรรม” “ขณะนี้ โดยรวมแล้วเรากำลังอยู่กับช่วงตลาดกระทิง และตลาดมีโมเมนตัมก่อตัวขึ้นทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดยนายสก็อต หากเราใช้ Fibonacci Levels บนกราฟ BTC/USD เป้าหมายถัดไปน่าจะเป็นที่ระดับ $73,000 และ $92,000
    ในที่นี้เราควรอ้างอิงความเห็นของนักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง Willy Woo ผู้เคยกล่าวไว้ว่า เราจะได้เห็นระยะสุดท้ายของการระเบิดพุ่งขึ้นของราคาบิทคอยน์ในปีนี้ แต่มันจะเป็นระยะสุดท้ายของวัฎจักรกระทิงรอบสามปี ขณะนี้ ราคาบิทคอยน์อยู่ที่กรอบด้านล่าง และไม่มีเหตุผลที่จะต้องขาย BTC ของคุณ “คุณคงต้องบ้าแน่ ๆ ถ้าจะขายมันในตอนนี้ ที่กรอบด้านล่าง ตอนนี้บิทคอยน์กำลังถูกซื้อในปริมาณมหาศาล” นักวิเคราะห์เน้นย้ำ โดยอ้างถึงสถิติตลาดคริปโต Coinbase เป็นตัวอย่าง แต่มันก็น่าประหลาดใจที่ท่ามกลางทัศนคติที่ดีในหมู่แฟนตัวยงของคริปโต นักวิเคราะห์ 70% กลับไม่คาดการณ์ว่าราคาจะเติบโต แต่มองว่าราคาจะปรับลดลงมายังระดับ $50,000 ในช่วงเดือนเมษายนนี้
    และมาถึงช่วงสรุปบทรีวิว เราขอนำเสนอ “อุปกรณ์ปาฏิหารย์” ถัดไปในหัวข้อ “Crypto Life Hacks” ของเราเช่นเคย ในคราวนี้มีผู้ที่ชื่นชอบเงินคริปโตได้ดัดแปลงอุปกรณ์เกมบอยสำหรับการขุดเหรียญคริปโต วิดีโอดังกล่าวเผยแพร่ในช่อง YouTube โดยใช้เพียงตัวประมวลผล 4MHz Sharp เท่านั้นในการใช้ขุดเหรียญโดยตรง อย่างไรก็ตาม การคิดค้นนี้ไม่น่าจะทำให้ผู้คิดค้นกลายเป็นเศรษฐีได้ จากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ประมาณ $55,000 พวกเขาจะต้องใช้เวลาถึง 50,000 ปี เพื่อจะขุดเงินให้ได้ $1

บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 05-09 เมษายน 20211


กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้


« การวิเคราห์ตลาดและข่าว
รับการฝึก
มือใหม่ในตลาดใช่ไหม?ใช้ส่วน เริ่มฝึกฝน เริ่มฝึกฝน
ติดตามเรา (ในโชเซียลเน็ตเวิร์ค)