บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 12-16 พฤศจิกายน 2561

อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:

  • EUR/USD ในครั้งที่แล้ว เมื่อให้คำทำนายของสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 60% ได้คาดการณ์ว่าค่าเงินยูโรจะเติบโตขึ้นไปที่โซน 1.1480-1.1525 และผลปรากฏออกมาว่าถูกต้อง 100% โดยในวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน ราคาคู่นี้ได้ขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.1500
    นักวิเคราะห์อีก 40% ที่เหลือได้ทำนายว่าราคาคู่ดังกล่าวจะขยับลงไปและทดสอบแนวรับที่ 1.1300 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซบเซาทางเศรษฐกิจของฝั่งยูโรโซน เนื่องด้วยปัญหาเรื่องงบประมาณประเทศอิตาลี โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน ค่าเงินยูโรเริ่มอ่อนค่าลงภายหลังจากที่มีการประกาศรายงานของคณะกรรมการยุโรป ซึ่งได้ลดการคาดคะเนตัวเลข GDP สำหรับปี 2019 จาก 2.0% เป็น 1.9% ค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลงอีกและค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นเนื่องด้วยงานแถลงข่าวจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกครั้งภายในสิ้นปี 2018
    ด้วยเหตุนี้ ค่าเงินดอลลาร์จึงได้ฟื้นขึ้นมา 175 จุดเทียบกับยูโร ขยับถึงกรอบด้านล่างที่ระดับ 1.1325 ตามมาด้วยการรีบาวด์เล็กน้อย และปิดตลาดที่ 1.1335
  • GBP/USD สถานการณ์กับค่าเงินปอนด์อังกฤษคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของค่าเงินยูโรในสัปดาห์ที่แล้ว การวิเคราะห์กราฟและออสซิลเลเตอร์เกือบ 90% ตลอดจนดัชนีเทรนด์ในกรอบ H4 รวมถึงผู้เชี่ยวชาญอีก 40% ต่างได้เทคะแนนเสียงว่าราคาคู่นี้จะเติบโตต่อไปที่ 1.3100-1.3220 และในวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาได้ขยับไปที่ความสูง 1.3173 ตามมาด้วยการวกกลับและแรงหนุนจากตลาดหมี ราคาถอยกลับมาที่แนวรับ 1.2955 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอันเป็นผลของการแถลงความเห็นของธนาคารกลางสหรัฐฯ ราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ในโซน 1.2970
  • USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ราคาไม่สามารถตัดผ่านระดับแนวต้านหลักที่ 1.1400 ได้สำเร็จ และท้ายที่สุดจึงปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 113.80 โดยเพิ่มขึ้นมาเพียง 60 จุดในรอบสัปดาห์
  • คริปโตเคอเรนซี ผลปรากฏว่าการเลือกตั้งกลางเทอมที่มีขึ้นในสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงการห่ำหั่นกันระหว่างพรรครีพับลีกันและพรรคเดโมแครต รวมถึงการต่อสู้ระหว่างฝ่ายผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านเงินคริปโตเคอเรนซี และเมื่อพิจารณาจากความเห็นต่างๆ แล้ว ผู้สนับสนุนบล็อกเชนมีชัยชนะในหลายรัฐ ปัจจัยเชิงบวกได้รับแรงหนุนจากข้อมูลว่าบริษัทดิจิทัลสัญชาติอเมริกันหลายแห่งพยายามล็อบบี้ผลประโยชน์ในวุฒิสภา สภาคองเกรส และกับรัฐบาลอเมริกันอย่างแข็งขันและสำเร็จ
    สำหรับข่าวลบ เราอาจพูดถึงคำขออุทธรณ์ของสมาคมแท่งเทียนเกาหลีใต้ไปยังรัฐบาลให้มีการกำกับดูแลตลาดเงินคริปโต รวมถึงข้อกล่าวหาของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ต่อนาย Zachary Coburn ผู้ก่อตั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต EtherDelta ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมผิดกฎหมาย
    สำหรับสกุลเงินคริปโตติดอันดับอื่นๆ เป็นไปตามที่เราได้ทำนายไว้ สกุลเงินส่วนใหญ่ตอบสนองอย่างค่อนข้างนิ่งสงบต่อข่าวสารต่างๆ ดังนั้น ราคาบิทคอยน์จึงขยับอยู่ในช่วงเดิมที่ $6,200-6,660 และอยู่ในช่วงแคบๆ ที่ $6,320-6,610 ทั้งอัลท์คอยน์ต่างเป็นไปตามราคาบิทคอยน์ ราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา Ethereum (ETH/USD) ขยับขึ้น 4% Litecoin (LTH/USD) 0.5% และ Ripple (XRP/USD) 8% ส่วนอัตราการเติบโตที่ดีที่สุดเป็นของ Bitcoin Cash หรือ BCH/USD ซึ่งขยับขึ้นจาก $425 เป็น $570 ตั้งแต่ต้นเดือนแรกจนถึงช่วงเย็นของวันที่ 9 พฤศจิกายน คิดเป็นกว่า 34%

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 70% คำแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะใช้เวลาสักระยะหนึ่งที่จะส่งผลต่อการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้จึงเชื่อว่าราคาจะถอยลงมาสู่ค่าต่ำสุดของปีที่ 1.1300 แต่ในกรณีที่สถิติเศรษฐกิจจากฝั่งยูโรโซนค่อนข้างซบเซาและมีข่าวเชิงบวกจากฝั่งสหรัฐฯ ราคาคาดว่าจะสามารถตัดผ่านระดับแนวรับและขยับไปที่ช่วง 1.1200-1.1250 ได้สำเร็จ ทั้งการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และออสซิลเลเตอร์ส่วนใหญ่ รวมถึงดัชนีเทรนด์เห็นด้วยกับคำทำนายนี้ อย่างไรก็ตาม ออสซิลเลเตอร์ประมาณ 20% ของกรอบ H4 ให้สัญญาณแล้วว่าราคาอยู่ในช่วงถูกขายมากเกินไป (oversold) ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับตัวของราคาในเร็วๆ นี้
    ในขณะที่นักวิเคราะห์อีก 30% คาดการณ์ว่าเทรนด์จะกลับตัวขึ้นเช่นกัน พวกเขามองว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกตีมูลค่าสูงเกินไปและคาดว่าราคาน่าจะกลับมาที่โซน 1.1435-1.1525
    ในสัปดาห์นี้ เราควรให้ความสนใจในข้อมูล GDP จากฝั่งยูโรโซน และดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการประกาศในวันพุธที่ 14 พฤศจิกายน และวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน และระดับเงินเฟ้อในยูโรโซนซึ่งจะประกาศออกมาในวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน

  • GBP/USD สถิติเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญจากอังกฤษคาดว่าจะประกาศในสัปดาห์หน้านี้ โดยสถิติจากตลาดแรงงานจะประกาศต่อสาธารณะในวันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน และในวันถัดมาจะมีการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งตามคำทำนายคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1% และยิ่งตัวเลขมีค่าสูงเท่าใด ยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยของค่าเงินปอนด์อังกฤษจะขยับขึ้นเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (65%) รวมถึงการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และดัชนีกว่า 90% ต่างให้สัญญาณในทางลบ โดยทำนายว่าค่าเงินปอนด์จะอ่อนตัวลดลงต่อไปอีก โดยเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดคือ 1.2850 และเป้าหมายถัดไปคือ 1.2810
    อีกหนึ่งมุมมองทางเลือกเป็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 40% และออสซิลเลเตอร์จำนวน 10% ซึ่งให้สัญญาณว่าราคาถูกขายมากเกินไป ในกลุ่มนี้ตั้งเป้าแนวโน้มขาขึ้นไว้ที่ 1.3150, 1.3175 และ 1.3235 โดยระดับแนวต้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 1.3040
  • USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้ราคาขยับขึ้นไปที่ 114.00 โดยคาดการณ์ว่าโอกาสในการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นโดยธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะแทบเป็นศูนย์ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญ 55% รวมถึงดัชนีกว่า 60% ในกรอบ H4 และ D1 ต่างสนับสนุนปัจจัยแนวโน้มตลาดกระทิง และคาดว่าราคาคู่นี้จะขยับสูงขึ้นไปที่ระดับแนวต้าน 114.55 และ 115.40
    ในขณะเดียวกัน ยังคงมีความเบี่ยงเบนกันระหว่างสัญญาณออสซิลเลเตอร์หลายตัวและเส้นราคา นอกจากนี้ เราต้องคำนึงว่าระดับความสูงที่ 114.55 คือระดับสูงสุดของปี 2018 ซึ่งน่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญในแนวโน้มขาขึ้นของราคาคู่ดังกล่าว ดังนั้น นักวิเคราะห์จำนวน 45% รวมถึงดัชนี 40% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 คาดการณ์ว่าราคาจะกลับมาที่แนวรับที่ 113.10 ในอนาคตอันใกล้นี้ และจากนั้นจะขยับไปที่ระดับ 111.75 ในส่วนคำทำนายระยะกลาง มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 60% ที่เห็นด้วยกับแนวโน้มตลาดหมี
  • คริปโตเคอเรนซี ข่าวสารต่างๆ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาเงินคริปโต แต่ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ราคาคริปโตเคอเรนซีได้พัฒนาภูมิคุ้มกันที่ค่อนข้างแข็งแรงต่อข่าวสารต่างๆ เช่นกัน
    ดังนั้น เราจึงไม่ควรคาดหวังว่าราคาจะพุ่งทะยานอย่างรุนแรงในตลาดบิทคอยน์ ณ ตอนนี้
    ท่าทีของตลาดและองค์กรต่างๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) จะยับยั้งการเติบโตดังกล่าว เว็บไซต์ CoinDesk ได้รายงายว่ามีการปรับเงินนาย Zachary Coburn ซึ่งเป็นเพียงสัญญาณแรกเท่านั้นและอาจตามมาด้วยมาตรการคว่ำบาตรตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตอีกหลายแห่งในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ตามรายงานของ Bangkok Post รองนายกรัฐมนตรีไทยก็มีแนวคิดที่จะเริ่มกำกับดูแลตลาดดิจิทัลเช่นกัน
    ในอีกด้านหนึ่ง ไม่มีผู้เล่นรายใหญ่รายใดที่มองว่าจะมีการล่มสลายของคริปโตเคอเรนซีสกุลหลักเกิดขึ้น และความผันผวนมีค่าต่ำลงโดยจำกัดอยู่ที่ระดับการทำกำไรจากการขุดเหมือง ซึ่งเมื่อราคาถึงระดับดังกล่าว นักลงทุนจะเริ่มซื้อเหรียญต่างๆ และราคาจะปรับตัวสูงขึ้น
    ดังนั้น คำทำนายยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับเดือนที่สองนี้ ราคา BTC/USD จะยังคงเคลื่อนที่ต่อไปในช่วงแคบๆ ที่ $6,200-6,660 โดยแนวต้านถัดไปอยู่ที่ $6,780 และระดับแนวรับถัดไปอยู่ที่ประมาณ $6,100

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา