บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 18 - 22 พฤศจิกายน 2019

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว: 

  • EUR/USD ประธานาธิบดีทรัมป์วางแผนที่จะชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง อันเนื่องมาจากการเติบโตอย่างเข้มแข็งของค่า GDP อเมริกา ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ สำคัญขนาดใหญ่ยังทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สัญญาฟิวเจอร์สบนดัชนี S&P500 ขยับขึ้นเหนือ 3100 จุด คลื่นการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกระตุ้นจากแถลงการณ์ในทางบวกของนายแลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ในขณะเดียวกัน Financial Times รายงานว่า จริงๆ แล้วทำเนียบขาวไม่พึงพอใจที่จีนพยายามชะลอเวลาและไม่ยอมประนีประนอมมากพอเพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการภาษี และนายทรัมป์เองก็ไม่ต้องการที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าวโดยทั้งหมด
    ในการแถลงต่อสภาคองเกรส นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดฯ กล่าวชื่นชมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าเป็น “ดาวเด่น” แต่ในขณะเดียวกันก็เอ่ยถึงปัจจัยต่างๆ มากมาย ได้แก่ ระดับเงินเฟ้อ สงครามการค้า และแน่นอนรวมถึงโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ คำพูดของเขารวมถึงค่า GDP ที่ดูมีความหวังของเยอรมนีจึงช่วยหยุดแนวโน้มขาลงของคู่ EUR/USD ไว้ที่ระดับแนวรับ 1.0990 และผลักค่าเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์เป็นบวกเล็กน้อยที่ 35 จุด
  • GBP/USD สหราชอาณาจักรกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งรัฐสภาล่วงหน้า ดังนั้นจึงไม่มีข่าวพิเศษที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเบร็กซิต และในสถานการณ์เช่นนี้ ตลาดจึงเริ่มตอบสนองอย่างแข็งขันต่อดัชนีเศรษฐกิจมหภาคต่างๆ โดยตัวเลข GDP ของสหราชอาณาจักรในไตรมาสที่ 3 ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่าน และเป็นไปตามที่เราทำนายไว้ GDP เติบโตที่ +0.3% เทียบกับ -0.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งช่วยผลักให้ราคาขยับขึ้นมากกว่า 110 จุดเป็น 1.2900 จนถึงวันพฤหัสบดี ค่าเงินดอลลาร์พยายามจะฟื้นคืนส่วนที่ขาดทุน แต่ในช่วงท้ายสัปดาห์ คำแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดส่งผลให้แรงกระทิงกลับมาเป็นต่ออีกครั้ง และราคาคู่นี้ปิดตลาดท้ายสัปดาห์ใกล้กับระดับสำคัญที่ 1.2900
  • USD/JPY ความต้องการถือเงินเยนถือว่าค่อนข้างคงตัวเกือบตลอดทั้งสัปดาห์จนถึงช่วงท้ายวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดแทบจะไม่ตอบสนองต่อแม้กระทั่งตัวเลข GDP ที่อ่อนแอเป็นอย่างมากของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 (+0.1% เทียบกับ +0.4% ในไตรมาสก่อนหน้า) ทั้งหมดนี้ทำให้ค่าเงินญี่ปุ่นแข็งขึ้นมา 100 จุดตั้งแต่ต้นสัปดาห์จนแตะถึงจุดสำคัญของเส้น MA-200 บนกราฟกรอบ 4 ชั่วโมงที่นักเทรดมักใช้ในการบ่งชี้เทรนด์ แต่การตัดทะลุระดับแนวรับและการกลับทิศทางของเทรนด์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้เป็นผลมาจากคำแถลงที่เป็นบวกจากนายแลร์รี คัดโลว์ เกี่ยวกับความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง และราคาก็ได้ขยับขึ้นอีกครั้งจนปิดตลาดที่ 108.80 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
  • คริปโตเคอเรนซี คำทำนายในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) อาจสรุปได้ในสองคำว่า “ระวัง” และ “ทัศนคติติดลบ” ซึ่งราคาก็สอดคล้องกับสองคำนี้ โดยราคาค่อยๆ ขยับลดต่ำลงมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แตะถึงระดับต่ำสุดที่ $8,420 เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 พฤศจิกายน และกลับมาที่กรอบของช่องด้านข้างที่ $7,800-8,600 ที่ซึ่งราคาขยับมาตั้งแต่ 26 กันยายน ถึง 22 ตุลาคม
    ราคาคู่นี้ขยับอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในรอบ 200 วัน มาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ตัดทะลุระดับแนวรับในค่าเฉลี่ยรอบ 50 วันเช่นกันในช่วงปลายสัปดาห์ จึงไม่ส่งผลกระตุ้นต่อแรงตลาดหมีในขาขึ้นแต่อย่างใด
    อัลท์คอยน์สกุลหลักก็เดินตามรอยบิทคอยน์เช่นกัน โดยแสดงผลงานที่อ่อนแอ Ripple (XRP/USD) ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบริษัทสนับสนุนขนาดใหญ่ของบรรดาบล็อกเกอร์และสื่อต่างๆ หรือจากการเข้าร่วมในรายชื่อการชำระเงินผ่านทางบัตรเดบิตของ Coinbase ราคา Ripple หดตัวอีก 8% ในช่วงสัปดาห์ที่แล้วและแตะระดับต่ำสุดที่ $0.2528
    Ethereum (ETH/USD) กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการตัดกรอบด้านล่างของช่องด้านข้างในรอบสามสัปดาห์ที่ $175-195 ผู้ถือเหรียญดิจิทัลสกุลนี้มักจะอุ่นใจจากไอเดียที่ว่าการขุด POS (Proof of Ownership หรือหลักฐานการเป็นเจ้าของ) อีธีเรียมอาจได้รับการรับรองเป็นหลักประกันได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้ราคาดิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
    ในส่วนของ Litecoin (LTC/USD) ก็ขยับถึงระดับแนวรับใกล้กับช่องราคาในรอบสามสัปดาห์ที่ $57-64 ระดับนี้ถือว่าเป็นจุดวกกลับในระยะกลาง ซึ่งราคาเริ่มหมุนเวียนในบริเวณนี้มาตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น คำแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดสหรัฐฯ และสถิติที่ดูน่าพึงพอใจจาก GDP เยอรมนี ฝั่งตลาดหมีจึงไม่สามารถตัดทะลุระดับแนวรับที่ 1.1000 ได้สำเร็จ หลังจากการประกาศตัวเลข GDP เติบโตจาก -0.2% เป็น +0.1% ผู้แทนรัฐบาลเยอรมนีเชื่อว่าการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้นั้นไม่มีความจำเป็น ความต้องการของผู้บริโภคประกอบกับการใช้งบประมาณของรัฐจะช่วยปรับสมดุลให้กับปัญหาในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก
    ทั้งนี้ ควรคำนึงว่าดัชนีเศรษฐกิจมหภาคหลายตัวของประเทศในกลุ่มอียูแสดงตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนในตลาดยังคงปรากฏต่อไป และการเป็นต่อของฝั่งตลาดหมีต่อตลาดกระทิงนั้นอยู่ที่ 10% เพียงเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญ 55% โหวตให้กับค่าเงินยูโรที่แข็งขึ้น ในขณะที่ 45% เชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่ามากกว่า ในขณะเดียวกัน ทั้งสองกลุ่มได้ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นไว้สำหรับคู่นี้ เป้าหมายของฝั่งตลาดกระทิงคือการกลับมาของราคายังช่วง 1.1075-1.1175 ส่วนเป้าหมายของตลาดหมีคือการตัดทะลุระดับแนวรับที่ 1.1000 และเคลื่อนที่มายังโซน 1.0940-1.1000
    โดยโอกาสที่ราคาจะแตะถึงระดับต่ำสุดของวันที่ 1 ตุลาคมที่ 1.0884 ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ในสัปดาห์นี้
    ออสซิลเลเตอร์ 90% และดัชนีเทรนด์ 80% บนกรอบ H4 เข้าข้างกับตลาดกระทิง ในขณะที่กรอบ D1 ให้ภาพในทางตรงกันข้าม: 85% ของออสซิลเลเตอร์และดัชนีเทรนด์อีก 75% ให้สัญญาณสีแดง ส่วนการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ H4 และ D1 ก็อยู่ข้างเดียวกันกับฝั่งตลาดหมีเช่นกัน โดยบ่งชี้ว่าราคาคู่นี้จะขยับลดลงมายังระดับ 1.0965 เป็นอย่างน้อย
    สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่สามารถส่งผลต่อการก่อตัวของเทรนด์และเพิ่มความผันผวนในตลาดในสัปดาห์นี้ เราจะมาติดตามการประชุมของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ในวันพุธ และธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีตามลำดับ รวมถึงการกล่าวแถลงของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปคนใหม่ และสถิติกิจกรรมทางธุรกิจอียูและเยอรมนีในวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน
  • GBP/USD จากเหตุการณ์เบร็กซิตที่ยังคงมีผลอยู่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะสรุปว่าตลาดจะตอบสนองอย่างไรต่อรายงานระดับเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรซึ่งจะประกาศในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน แต่ด้วยความพยายามของฝั่งอนุรักษ์นิยมที่จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งโดยเน้นย้ำถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจประเทศ เราสามารถคาดการณ์รายงานที่ดูเสียงดังได้จากพวกเขา
    ในระหว่างนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 60% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 คาดการณ์การกลับตัวของเทรนด์ขาขึ้นและคาดว่าราคาจะกลับลงมาที่ 1.2765 ราคาต่ำสุดของวันที่ 8 พฤศจิกายน จากนั้นจะตกลงมาอีก 100 จุด ในส่วนนักวิเคราะห์อีก 40% ซึ่งเห็นด้วยกับดัชนีเทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 90% ในกรอบ H4 และ D1 (สัญญาณออสซิลเลเตอร์ 10% ที่เหลือชี้ว่าเงินปอนด์ถูกซื้อมากเกินไป) โดยระดับแนวต้านอยู่ที่ 1.2975 และ 1.3015 เป้าหมายอยู่ที่ระดับ 1.3100
  • USD/JPY เงินเยนอ่อนค่าลงมาเกือบตลอดฤดูใบไม้ร่วงนี้ และราคาได้ขยับขึ้นตามเส้น MA200 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนบนกราฟ H4 กราฟมีความพยายามสี่ครั้งที่จะตัดผ่านระดับแนวรับแต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง และความพยายามครั้งที่ห้าจะจบลงอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ และจีนเป็นหลัก และแนวโน้มในการลงนามใน “สนธิสัญญาสงบศึก” ระหว่างทั้งสองประเทศ
    สัญญาณที่ดีจากนายแลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว เกี่ยวกับข้อตกลงการค้ากับจีนที่จะมีขึ้นในสัปดาห์ที่จะถึงนี้อาจถูกปฏิเสธโดยทั้งหัวหน้าของเขา ประธานาธิบดีทรัมป์ และผู้แทนของรัฐบาลจีน ดังนั้น จึงค่อนข้างเป็นไปได้ที่ราคาคู่นี้จะสามารถกลับทิศทางเทรนด์ขาขึ้นและเคลื่อนที่ในทางด้านข้างเป็นอย่างน้อย
    ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้แบ่งเป็น 50-50 สถานการณ์กับดัชนีต่างๆ ก็คล้ายคลึงกัน ดังนั้น เราสามารถสันนิษฐานได้ว่าราคาน่าจะขยับในช่องด้านข้างบริเวณจุดวกกลับที่ 108.75 ในกรอบ 107.80-109.50 อยู่สักระยะหนึ่ง โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ในช่วง 107.00 และแนวต้านที่ 110.30

  • คริปโตเคอเรนซี หากคุณดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับบิทคอยน์ใน 10 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างดูเหมือนจะดีมาก: ราคาได้ขยับขึ้นกว่า 100 เท่าในช่วงเวลาดังกล่าว แต่บิทคอยน์กลับไม่ต้องการจะเติบโตขึ้นต่อไป ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อเงินคริปโตสกุลนี้เพื่อการลงทุนระยะยาวก็ได้ทำการซื้อเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ ตลาดเป็นของฝั่งนักเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลักที่ไม่เพียงแต่จะทำกำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้น แต่รวมถึงจากราคาขาลงเช่นกัน นายบอบบี ลี ผู้ก่อตั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต BTCC ที่เก่าแก่ที่สุดของจีนซึ่งเคยออกมากล่าวร่ายมนต์ว่าราคาบิทคอยน์จะขยับถึง $500,000 ภายในปี 2028 ก็ไม่มีผลต่อนักเก็งกำไรแต่อย่างไร นักเก็งกำไรโฟกัสกับการทำกำไรอย่างรวดเร็วเป็นหลัก ได้มาจากความผันผวนของคริปโตเคอเรนซีและข่าวต่างๆ ที่สร้างคลื่นความผันผวน
    การลดจำนวนบิทคอยน์ลงครึ่งหนึ่งในปี 2020 จะกลายเป็นข่าวที่สร้างความผันผวนดังกล่าว ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้ งานฮาร์ดฟอร์คในอิสตันบูลที่ผู้ก่อตั้ง Ethereum จะจัดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคมปี 2019 อีกหนึ่งข่าวคือการเริ่มการเทรดออปชั่นบิทคอยน์ที่ Bakkt ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนธันวาคม งานในลักษณะนี้สามารถส่งผลให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นได้ครั้งหนึ่ง
    ในบทรีวิวครั้งที่แล้ว เราเขียนไว้ว่า ตามรายงานของ Bloomberg เงินคริปโตสกุลแรก (บิทคอยน์) มีโอกาสที่จะตกลงมายังระดับ $8,000 ก่อนสิ้นปี ซึ่งระดับที่ $12,000 เรียกว่าเป็นระดับความสูงที่เป็นไปได้ สำหรับระดับราคาสูงสุดของปี 2020 คาดว่าจะอยู่ที่ $16,000 ความเห็นเดียวกันนี้มาจากรายงานของ Bloomberg โดยประธานตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต Binance นายชางเปง ฉาว ซึ่งเขามองว่านักเทรดและนักลงทุนในจีนสามารถรับประกันการเติบโตของบิทคอยน์ไปยังระดับดังกล่าวได้
    แต่ทั้งหมดนี้อาจถูกกีดขวางโดยหนึ่งเหตุการณ์ คำแถลงการณ์ที่ดูอ่อนไหวของนายแจ็ค ลี ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนบริหาร HCM Capital เขาเชื่อว่าธนาคารแห่งชาติจีนจะสร้างสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตนเองภายในสองหรือสามเดือน และเงินสกุลนี้เองที่จะทำให้นักลงทุนในจีนหันเหความสนใจและเทเงินไปซื้อเงินสกุลดังกล่าวแทน
    สำหรับบทวิเคราะห์ในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่คู่ BTC/USD ได้ตกลงมายังกรอบด้านข้างที่ $7,800-8,600 มีสถานการณ์สามแบบที่อาจเกิดขึ้นในที่นี้ หนึ่งคือฝั่งตลาดหมี ซึ่งราคาจะขยับมายังกรอบด้านล่างของช่องที่ผู้เชี่ยวชาญ 25% โหวตให้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนเดียวกันสนับสนุนสถานการณ์ที่สองของฝั่งกระทิง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นคาดว่ากรอบด้านบนของราคาจะอยู่ที่ $8,600 จะกลายเป็นแนวรับ และราคาจะขยับสูงขึ้นจากระดับดังกล่าว โดยมีแนวต้านใกล้ที่สุดที่ $8,815 เป้าหมายถัดไปที่ $9,130 และ $9,470 และสุดท้ายสถานการณ์ที่สาม ซึ่งคาดการณ์ว่าระดับที่ $8,600 จะทำหน้าที่เป็นจุดวกกลับที่ราคาจะขยับไปยังด้านข้าง สถานการณ์นี้สนับสนุนโดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จำนวน 50%

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา