บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2020

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันยังคงคุกรุ่น การเอาชนะไวรัสโคโรนายังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก มีคนกว่า 1.3 คนที่ขอใช้สวัสดิการว่างงานเบื้องต้นในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กว่า 17.3 ล้านคนไม่ได้ขอใช้สิทธิ์เป็นครั้งแรก ซึ่งคิดเป็นยอดที่สูงกว่าตัวเลขมาตรฐานก่อนช่วงวิกฤติถึง 10 เท่า แต่ในขณะเดียวกัน ความต้องการในความเสี่ยงในหมู่นักลงทุนก็ยังคงไม่หายไป ตลาดหุ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดัชนี S&P 500 ไต่ขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม และขยับถึงระดับสูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ดัชนี Nasdaq 100 ทุบสถิติทุกประการด้วยการพุ่งกว่า 10,650 จุด
    นักวิเคราะห์บางท่านมองการคาดหมายต่ำนี้ว่าเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังช่วงวิกฤติ นักลงทุนคาดว่าจะได้เห็นเศรษฐกิจพังพินาศ แต่ทุกอย่างปรากฏว่าไม่แย่อย่างที่คิด และบริษัท 80% รายงานตัวเลขที่ดูดีเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นชนวนกระตุ้นความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยงฃ
    ท่ามกลางการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดอลลาร์ไม่เป็นที่น่าดึงดูดความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หากเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ดัชนี USDX คำนวณอัตราส่วนของดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลักทั้ง 6 สกุล (EUR, JPY, GBP, CAD, SEK and CHF) ไว้ใกล้ระดับ 103 ขณะนี้ตัวเลขปรับลงมาต่ำกว่า 95
    ดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบกับยูโรเช่นกัน นับตั้งแต่วันจันทร์ EUR/USD ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนปรับลดลงเล็กน้อยที่ 1.1500 ตามที่ทำนายไว้โดย Bloomberg และหยุดตัวที่ 1.1450 เมื่อวันพุธที่ 15 กรกฎาคม หนึ่งวันถัดมาในวันที่ 16 กรกฎาคม หลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ราคาตีกลับขึ้นมาและดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกครั้ง ทำให้ราคาปิดตลาดรอบห้าวันที่ 1.1435
  • GBP/USD การขาดปัจจัยกระตุ้นสำคัญในสัปดาห์ที่แล้วทำให้เงินปอนด์อังกฤษขยับในช่องด้านข้างและค่อย ๆ แข็งตัวที่โซน 1.2560 อัตราแลกเปลี่ยนไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 1.2670 ได้สำเร็จและขยับลงมาต่ำกว่าระดับ 1.2480 ทำให้ราคาปิดตลาดที่ตรงกลางของช่วงที่ระดับ 1.2570;
  • USD/JPY สัดส่วนค่าเงินเยนญี่ปุ่นในดัชนี USDX มีไม่มากนักอยู่ที่เพียง 13.6% เท่านั้น แต่นักวิเคราะห์บางท่านมองว่าพฤติกรรมของคู่ USD/JPY เป็นตัวชี้วัดที่ดีที่กำหนดความต้องการในความเสี่ยงของตลาด อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่าในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมากในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการใช้ตัวชี้วัดนี้กลายเป็นสิ่งที่ยากขึ้นมาก ดังนั้นในสัปดาห์ที่แล้วจึงแทบไม่มีสัญญาณใด ๆ ราคาแสดงพฤติกรรมไซด์เวยส์แบบคลาสสิก โดยมีคลื่นพาราโบลิคสองคลื่นในช่วง 106.65-107.40 และปิดตลาดที่ตรงกลางของกรอบดังกล่าวที่บริเวณ 107.00
  • คริปโตเคอเรนซี ข่าวเด่นของสัปดาห์คือ เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เกิดการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทวิตเตอร์ มิจฉาชีพเงินคริปโตได้แฮ็คบัญชีกว่า 50 บัญชี รวมถึงประวัติของ นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอ Tesla และ Space X นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้ง Microsoft นายเจฟ เบซอส ซีอีโอบริษัท Amazon นายคานเย เวสต์ นักดนตรีชื่อดัง นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เศรษฐีพันล้านในตำนานของวอลล์สตรีท รวมถึงบุคคลสำคัญจาก Bloomberg, Apple และ Uber ตลอดจนในแวดวง Bitcoin, Ripple, Cash App, Coindesk, Coinbase และ Binance มีรายงานว่า มีการแจกบิทคอยน์บนหน้าเพจเว็บไซต์เหล่านี้ มิจฉาชีพก็มีกลโกลแบบคลาสสิก โดยขอให้ผู้ใช้งานส่งเงินคริปโตจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเท่าตัว
    แม้ว่าเจ้าของบัญชีตัวจริงและพนักงานเครือข่ายโซเชียลเหล่านี้พยายามที่จะลบข้อความดังกล่าว ข้อความก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยทันที แม้แต่ระบบตรวจสอบแบบสองปัจจัยที่นิยมใช้งานในบัญชีส่วนใหญ่ก็ไม่ช่วยเหลือแต่อย่างใด
    การโจรกรรมครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็น การโจรกรรมที่เตรียมการร่วมกันบนบิทคอยน์และทวิตเตอร์ ซึ่งผู้ก่อตั้งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเงินคริปโตเคอเรนซี อย่างไรก็ตาม บิทคอยน์แทบจะไม่ได้สังเกตเหตุการณ์นี้ใด ๆ ตลาดหมีล้มเหลวที่จะตัดทะลุระดับ $9,000 และคู่ BTC/USD ขยับถึง $9,180 ในช่วงตอนเย็นของวันที่ 17 กรกฎาคม
    คริปโตเคอเรนซีสกุลหลักยังคงแข็งตัวหลังจากการฮาล์ฟเหรียญในเดือนพฤษภาคม ช่วงความผันผวนอยู่ไม่เกิน $350 ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งประกอบกับปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเหลือ $15 พันล้านเหรียญ ชี้ให้เห็นว่า ผู้เล่นในตลาดไม่ให้ความสนใจกับระดับในปัจจุบัน พวกเขาไม่เห็นเหตุผลที่จะเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย ดัชนี Bitcoin's Crypto Fear & Greed Index คงตัวอยู่ที่ระดับ 41 มาเป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน
    อีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจ ตามความเห็นของนายเปาโล อาร์โดอิโน ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของตลาดแลกเปลี่ยน Bitfinex ชี้ว่า เหตุผลที่ความผันผวนของบิทคอยน์ลดลงอาจจะเป็นจำนวนบริษัทซื้อขายความถี่ระดับสูง (HFT) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเขาอธิบายว่า ปริมาณการเทรด 80-90% ที่ Bitfinex ของคู่ BTC/USD และ ETH/USD เกิดขึ้นมาจากธุรกรรมประเภทดังกล่าวเป็นหลัก
    เมื่อกล่าวถึง Ethereum เราได้เขียนหลายครั้งถึงความสนใจในหมู่นักลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอัลท์คอยน์สกุลนี้ ซึ่งราคาได้ขยับเพิ่มขึ้นเกือบ 80% นับตั้งแต่ต้นปี 2020 นอกจากนี้ ETH ยังมีจำนวนวอลเล็ตที่ขยับขึ้นกว่า 2 เท่า และแซงหน้าเหนือ BTC ในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม หากจะตามบิทคอยน์ให้ทันในฐานะเงินคริปโตหลัก มูลค่ารวมของ Ethereum จะต้องเติบโตขึ้นมากกว่า 6 เท่า ซึ่งแน่นอนว่ายากที่จะเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงที่ 0.0% ในวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยเดิมที่ติดลบ -0,1% แน่นอนว่า เมื่อการแพร่ระบาดถึงจุดสิ้นสุด ตัวเลขระดับเงินเฟ้อและการตัดสินใจของธนาคารต่าง ๆ ในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะมีบทบาทสำคัญเป็นตัวกำหนดหลัก ในระหว่างนี้ ปัจจัยต่าง ๆ ล้วนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 โดยตรงที่ยังคงบทบาทสำคัญต่อสถานการณ์ในตลาด
    เดิมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากการคำนวณของ Bloomberg จากการวิเคราะห์ตลาดออปชั่น ชี้ให้เห็นว่าคู่ EUR/USD มีแนวโน้มสูงกว่าที่จะขยับขึ้นเหนือระดับ 1.1500 มากกว่าปรับลดลงมาต่ำกว่า 1.1200 และในขณะนี้ คำทำนายนี้ได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญ 80% ที่กำหนดโซน 1.1470-1.1530 ไว้เป็นเป้าหมาย และมีผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% เท่านั้นที่คาดว่าราคาจะลดลงต่อไปที่บริเวณ 1.1200-1.1300.
    75% ของออสซิลเลเตอร์และอินดิเคเตอร์จำนวน 95% ในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณสีเขียวเช่นกัน ในที่นี้ออสซิลเลเตอร์ 15% ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในช่วง overbought ส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 คาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้นไปที่ 1.1500 เช่นกัน หลังจากนั้นราคาน่าจะกลับมาที่โซน 1.1385
    นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์เทรด “สวนทางกับคนหมู่มาก” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักเทรดพยายามที่จะเทรดในทางตรงกันข้าม ซึ่งภาพรวม “สีเขียว” ที่เป็นเอกฉันท์กันนี้ทำให้เรานึกถึงการสวนทาง “ด้วยเหตุผลบางประการ”

  • GBP/USD ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (70%) คาดการณ์ว่า ความสนใจในสินททรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์ จะลดลงอย่างต่อเนื่อง และสิ่งนี้จะช่วยให้คู่ GBP/USD ขยับขึ้นในทิศเหนือต่อไปได้ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เริ่มขึ้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน เป้าหมายหลักคือระดับสูงสุดของวันที่ 10 มิถุนายนที่ 1.2810 ระดับแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1.2670 และ 1.2740 แรงกระทิงนั้นสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 60% และอินดิเคเตอร์เทรนด์ในกรอบ D1 สำหรับการวิเคราะห์ในกรอบเวลา H4 นั้นให้ภาพที่น่าสับสนโดยสิ้นเชิง โดยเป็นผลมาจากเทรนด์ด้านข้างในสัปดาห์ที่แล้ว
    นักวิเคราะห์ 30% สนับสนุนขาลงของคู่นี้ โดยวางแนวรับไว้ที่: 1.2480, 1.2350 และ 1.2250
  • USD/JPY ยกเว้นช่วงเดียวที่วันที่ 2-5 มิถุนายน คู่นี้ได้ขยับในช่องด้านข้างบริเวณ 106.00-108.00 มาเป็นเวลา 14 วัน และตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ราคาจะยังไม่ออกจากกรอบดังกล่าว นอกจากนี้ กรอบนี้กลับแคบลงมากยิ่งขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เพียง 75 จุด ในสถานการณ์เช่นนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเท่า ๆ กันที่ 50-50% แต่อินดิเคเตอร์ D1 เอนไปทางตลาดหมี โดย 85% ของออสซิลเลเตอร์และ 100% ของอินดิเคเตอร์เทรนด์ให้สัญญาณสีแดง
    ในทางตรงกันข้าม 15% ของออสซิลเลเตอร์ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน oversold และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 กำหนดระดับความสูงที่ 108.10 ไว้อย่างมั่นใจชช
  • คริปโตเคอเรนซี อันดับแรกกล่าวถึงคำทำนายของเหล่ากูรูเงินคริปโต นายแม็ก ไคเซอร์ ผู้ก่อตั้ง Heisenberg Capital พูดถึงวันที่บิทคอยน์จะทำลายล้างอัลท์คอยน์สกุลอื่น ๆ รวมถึงว่าอัลท์คอยน์สกุลไหนบ้างที่เป็น “ขยะชัด ๆ” โดยเขาระบุในรายงานที่เผยแพร่ทางช่อง Russian Today ว่า บิทคอยน์จะพุ่งขึ้นไปที่ $100,000 โดยบิทคอยน์จะทำลายโครงการเหรียญอื่น ๆ ในปีนี้หรือปีหน้า รวมถึงเหรียญ XRP ซึ่งเขามองว่าเป็น “ขยะชัด ๆ” นายไคเซอร์วิพากษ์วิจารณ์โครงการเหรียญที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น รัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤติ ซึ่งหมายถึงบริษัทกว่า 75 บริเวณในแวดวงบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี
    คำทำนายที่อ่อนน้อมมากกว่าเป็นของ นายโรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนหนังสือที่ขายดีที่สุดด้านเศรษฐกิจ โดยระบุว่าคู่ BTC/USD อาจขยับถึง $75,000 ภายในช่วงสามปีข้างหน้า
    แต่ผู้เชี่ยวชาญของ Weiss Crypto กล่าวว่า ราคาบิทคอยน์จะขยับถึง $70,000 ภายในปี 2021 ซึ่งเห็นได้จากต้นแบบ Stock-to-Flow ที่บิทคอยน์เลือก ซึ่งหมายถึงการวัดอัตราส่วนมูลค่าของสินทรัพย์เทียบกับการเติบโตในแต่ละปี แม้ว่าราคาเหรียญจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ยังคงมีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนในระยะยาว
    จากความเห็นในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ หากโมเดล Stock-to-Flow ยังคงเป็นจริงต่อไป มูลค่าของบิทคอยน์อาจขยับถึงระดับ $50,000 ภายในสิ้นปีนี้ ราคาอาจปรับตัวลงเล็กน้อยในเดือนมกราคม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และราคาจะกลับสู่ช่วงขาขึ้น และสามารถปิดท้ายด้วยเทรนด์ขาลงที่หนักยิ่งกว่า หากนักลงทุนรอดพ้นจากภาวะขาดทุนและไม่มีการเทขายบิทคอยน์ขนานใหญ่ ราคาบิทคอยน์จะพุ่งขึ้นไปที่ประมาณ $70,000 ในช่วงกลางปีหน้า
    สำหรับคำทำนายในสัปดาห์หน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (55%) คาดการณ์ว่า ราคาจะปรับขึ้นไปที่โซน $9,400-9,700 โดย 10% โหวตว่าราคาจะเคลื่อนที่ในกรอบ $9,000-9,400 และ 45% คาดว่าราคาจะปรับตัวลงไปที่โซน $8,400-8,700
    และในตอนท้ายสำหรับผู้ที่กังขาว่าบิทคอยน์จะทรุดตัวจนถึงระดับศูนย์ “สิ่งนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น” นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการเงินคริปโต นายอลิสตาร์ มิลเนอ ได้ตัดสินใจวางคำสั่งซื้อเหรียญ BTC 18.52 ล้านเหรียญ ($174 พันล้านดอลลาร์ที่อัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้) ที่ราคา 1 เซนต์ต่อ 1 เหรียญ “ผมยืนยันว่าบิทคอยน์จะไม่มีวันขยับลงเหลือศูนย์” เขาเขียนไว้ว่า “ผมจะซื้อมันทั้งหมดที่ $0.01” ซึ่งคำสั่งของเขาคิดเป็นเงิน $185,000 จำนวนเงินนี้ึคุณสามารถใช้ซื้อบิทคอยน์ได้เพียงประมาณ 20 เหรียญเท่านั้นในเวลานี้

  

กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา