บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 6 - 10 ธันวาคม 2021

EUR/USD: การจ้างงานและภาวะเงินเฟ้อเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง

  • ขณะนี้ ตลาดกำลังถูกควบคุมด้วยปัจจัยสองประการ ได้แก่ ความกลัวเรื่องไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่และการจำกัดนโยบายทางการเงินโดยธนาคารกลาง แต่ยังไม่มีความชัดเจนเท่าไรนักว่าสายพันธุ์ Omicron นั้นอันตรายและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากน้อยขนาดไหน ดังนั้น ความสนใจหลักจึงมุ่งไปที่ธนาคารกลางต่าง ๆ โดยเฉพาะธนาคารเฟดสหรัฐน ผู้เชี่ยวชาญจากรอยเตอร์ส 19 คน ระบุว่าความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาด ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีก 15 คนมองว่าตัวขับเคลื่อนหลักนั้นคือไวรัสสายพันธุ์ Omicron

    ถัอยแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ต่อวุฒิสภาในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน สร้างแรงสะเทือนต่อตลาด เพราะว่านักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญเห็นถึงสัญญาณนโยบายแบบเหยี่ยวในคำพูดของเขา ส่งผลให้ดัชนีหุ้นทั้ง Dow Jones, S&P500, Nasdaq ปรับลดลง ในขณะที่ DXY ขยับสูงขึ้น

    ดอลลาร์ฟื้นขึ้นมา 147 จุดเทียบกับยูโรในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง โดยพาราคาคู่ EUR/USD ลงจาก 1.1382 เป็น 1.1235 อย่างไรก็ดี ไม่นานจากนั้น ตลาดก็นิ่งสงบลงอย่างรวดเร็ว และอัตราแลกเปลี่ยนคู่นี้ปรับขึ้นมาเพื่อรอฟังสถิติจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ

     ภาวะเงินเฟ้อและการจ้างงาน ดัชนีสองตัวนี้เป็นตัวกำหนดนโยบายปัจจุบันของเหล่าธนาคารกลาง

    ธนาคารกลางยุโรปยังคงยืนยันว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว จึงสมเหตุสมผลที่จะใช้มาตรการเพื่อจำกัดภาวะเงินเฟ้อในขณะนี้ แม้ว่าบางคนเชื่อว่า คำแถลงของคริสติน ลาการ์ด ผู้ว่าการธนาคารฯ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ให้สัญญาณการจำกัดนโยบายทางการเงินในทันที แต่ไม่มีการกล่าวถึงขั้นตอนที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ ทั้งนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่มีการรับมือกับปัญหานี้แล้ว สถิติจากดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดูน่าหวาดกลัว โดยอัตราการเติบโตของดัชนีเร่งสูงขึ้นจาก 16.1% เป็น 21.9% (จากตัวเลขคาดการณ์ที่ 18.3%) ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อในยูโรโซน ซึ่งขยับถึงระดับ 4.9% แล้วและยังไม่หยุดแค่นั้น และอาจขยับขึ้นต่อเนื่อง สำหรับตลาดแรงงานยุโรปยังเติบโตไม่มากนัก อัตราว่างงานลดลงเพียง 0.1% จาก 7.4% และ  7.3%

    สถิติจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดูดีกว่ามาก จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็น 222,000 จากตัวเลขคาดการณ์ที่ 245,000 และดัชนีค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รอบสี่สัปดาห์ปรับลดลงมายังระดับต่ำสุดของเดือนมีนาคมปี 2020 ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ที่รับสวัสดิการว่างงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดภาวะโรคระบาดลดลงต่ำกว่า 2 ล้านราย เหลือ 1,956,000 

    แต่จำนวนตำแหน่งงานใหม่ที่สร้างขึ้นนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ (NFP) อยู่ที่เพียง 210,000 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ทั้งสองอยู่มาก (550,000)  และตัวเลขครั้งก่อนหน้า (546,000) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ลดลงนั้นยังไม่รุนแรงมากนักเทียบกับสถานการณ์การขาดแคลนแรงงานในประเทศ ทั้งนี้ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานทำให้จำนวนพนักงานที่ถูกปลดออกในสหรัฐฯ ลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี

    ดัชนี NFP ที่ต่ำอย่างผิดความคาดหมายไม่น่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารเฟด มีหลายเหตุผลให้เชื่อว่าธนาคารเฟดอาจเร่งจำกัดมาตรการกระตุ้นทางการเงิน (QE) ให้เร็วขึ้นในที่ประชุมวันที่ 14-15 ธันวาคมนี้ ลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารเฟดสาขาคลีฟแลนด์และเพื่อนร่วมงานของเธอ แมรี ดาเวลย์ จากสาขาซานฟรานซิสโก และราฟาเอล บอสติก จากสาขาแอตแลนตา สนับสนุนแนวคิดในการเร่งจำกัดมาตรการดังกล่าว และ แรนดาล ควาร์ลส์ รองประธานเฟดที่ใกล้จะออกจากตำแหน่งมองว่าการกระตุ้นทางการคลังและการเงินนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ เขามองว่ามาตรการเหล่านี้ทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นเกินความเป็นจริงจนสูงกว่าระดับก่อนเกิดภาวะโรคระบาด และภาวะเงินเฟ้อที่สูงนี้จะไม่เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว แต่จะคงอยู่ถาวร

    เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟด และ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็เชื่อเช่นกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเลิกใช้คำว่า “ชั่วคราว” ซึ่งหมายถึง การคาดการณ์ระดับเงินเฟ้อจะถูกทบทวนและปรับขึ้น และกำหนดเวลาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเลื่อนมาเร็วมากขึ้น  

    มีแนวโน้มสูงที่ความแตกต่างในนโยบายทางการเงินระหว่างของธนาคารเฟดและธนาคารกลางยุโรปจะส่งผลเป็นแรงกดดันต่อคู่ EUR/USD ต่อไป ทำให้ราคาขยับลดลงอีก ผู้เชี่ยวชาญ 50% เห็นด้วยกับคำทำนายนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์ 35% คงความเห็นในทางตรงกันข้าม ด้านนักวิเคราะห์อีก 15% ที่เหลือโหวตให้กับเทรนด์ด้านข้าง 

    อินดิเคเตอร์เทรนด์บนกรอบ D1 มีสัญญาณสีแดงครอบคลุมเป็นหลักที่ 65% แต่กลับมีความสับสนในหมู่ออสซิเลเตอร์: 40% ชี้ไปทางทิศใต้ ส่วน 35% ชี้ไปทางทิศเหนือ และอีก 25% มีท่าทีเป็นกลาง

    ระดับแนวต้านอยู่ในโซนระดับ 1.1380, 1.1435-1.1465 และ 1525 โดยมีแนวรับที่ใกล้ที่สุด ได้แก่ 1.1260, 1.1235, 1.1185-1.1200 จากนั้นคือ 1.1075-1.1100

     สำหรับเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ ควรให้ความสำคัญกับสถิติ GDP ของยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 โดยคาดว่าความผันผวนในตลาดจะเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม ซึ่งจะมีการประกาศดัชนี CPI ของเยอรมนีและสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ University of Michigan ซึ่งดัชนีนี้เป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและประเมินความสมัครใจในการใช้จ่ายเงิน

GBP/USD: กลับมาสู่เส้นทางตลาดหมี?

  • พฤติกรรมของคู่ GBP/USD ในสัปดาห์ที่แล้วนั้นคล้ายกับคู่ EUR/USD โดยราคาตอบสนองในลักษณะเดียวกันกับคำแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ และสถิติตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทำให้ราคาปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ระดับ 1.3225

    ความกังวลเกี่ยวกับเบร็กซิตยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งแรงกดดันต่อเงินปอนด์ ไซมอน โคเวเนย์ รัฐมนตรีต่างประเทศไอร์แลนด์กล่าวเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมว่า ยังมีความแตกต่างอยู่มากระหว่างอียูและสหราชอาณาจักรในเรื่องการบังคับใช้ระเบียบกับไอร์แลนด์เหนือ เขากล่าวเสริมด้วยว่าการเจรจายังไม่มีความคืบหน้าจริงจัง และความแตกต่างเหล่านี้ไม่น่าจะได้รับการคลี่คลายก่อนปลายปีนี้

    ราคาคู่ GBP/USD ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1.3300 ได้สำเร็จ นักวิเคราะห์จากธนาคาร United Overseas Bank (UOB) ของสิงคโปร์ชี้ว่า ค่าเงินปอนด์อาจอ่อนค่าลงต่อไปในเดือนธันวาคม แต่ยังยากที่จะฝ่าแนวรับที่สำคัญที่ 1.3195 (ราคาต่ำสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน) ไปได้ หากทำสำเร็จ ราคาจะเปิดทางไปสู่แนวรับใหม่ที่ 1.3135 สำหรับฝั่งแนวโน้มกระทิง ภารกิจอันดับแรกคือการยืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญในโซน 1.3300 และหากธนาคารแห่งชาติอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 16 ธันวาคม นี่ก็จะไม่เป็นปัญหา แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 1.3360, 1.3410, 1.3475, 1.3515, 1.3570, 1.3610, 1.3735, 1.3835.

    นักวิเคราะห์ 30% หวังว่าราคาคู่นี้จะเติบโตต่อไปในอนาคตอันใกล้ ส่วน 45% คาดการณ์ว่าราคาจะขยับลงต่อ และ 25% มีท่าทีเป็นกลาง แต่อินดิเคเตอร์บนกรอบ D1 สนับสนุนฝั่งแนวโน้มตลาดหมีอย่างชัดเจน โดยอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% ชี้ไปทางทิศใต้ เช่นเดียวกันกับออสซิลเลเตอร์ที่มีสัญญาณ 15% บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในโซน oversold

USD/JPY: เงินเยนไม่ยอมจำนน

  • คู่ USD/JPY ขยับขึ้นเหนือกรอบซื้อขายที่ 113.40-114.40 ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์ (55%) ราคาได้ขยับลงทิศใต้ต่อไปยังระดับต่ำสุดในกรอบที่ 112.52 และทำระดับต่ำสุดใหม่ในรอบเจ็ดสัปดาห์ ตามมาด้วยการกลับตัวของเทรนด์ ทั้งนี้มีความพยายามที่ไม่สำเร็จหลายครั้งในการพลิกเทรนด์กลับมาสู่กรอบ 113.40-114.40 โดยราคาปิดตลาดที่ 112.80

    เงินเยนได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์หลบภัยจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ Omicron อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ คลื่นความวิตกรอบแรกได้ผ่านไปแล้ว และข้อได้เปรียบนี้ต่อดอลลาร์ก็ค่อย ๆ ลดหายไป

    ทั้งนี้ควรตระหนักด้วยว่า ญี่ปุ่นตกในที่นั่งลำบากเพราะอัตราหนี้สินต่อ GDP ประเทศนั้นสูงเกินไป และผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินรอบใหม่ ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับเงินเยน เพื่อที่จะเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

    จนกว่ามาตรการนี้จะเกิดขึ้น นักวิเคราะห์จาก UOB เชื่อว่า ราคาอาจทดสอบระดับแนวรับที่ 1.1250 แต่โอกาสที่จะตัดทะลุได้สำเร็จนั้นมีไม่มาก หากราคาทำสำเร็จก็จะต้องเจอกับอุปสรรคถัดไปในบริเวณ 111.85-112.00 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคาร Credit Suisse ชี้ว่า ราคาจำเป็นต้องขึ้นไปยืนเหนือโซน 113.70-114.00 ให้สำเร็จเพื่อคงแนวโน้มกระทิง และจากนั้นจะต้องฝ่าแนวต้านที่ 114.80 นี่จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพื่อไปสู่ระดับสูงสุดในรอบห้าปีที่ 115.52 ที่ราคาเคยทำไว้เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน

    ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (55%) กำลังเข้าข้างฝั่งตลาดกระทิงในขณะนี้ โดย 25% เห็นด้วยกับแนวโน้มตลาดหมี และ 20% คาดการณ์การเคลื่อนที่ในกรอบด้านข้าง ส่วนออสซิลเลเตอร์ 90% ยังคงชี้ไปทางทิศใต้ แต่หนึ่งในสี่ของสัญญาณนี้อยู่ในโซน oversold และ 10% ที่เหลือหันไปทางทิศเหนือ อัตราส่วนอยู่ที่ 65% ต่อ 35% ในหมู่อินดิเคเตอร์เทรนด์ซึ่งมีฝั่งสีแดงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

    ระดับแนวต้าน ได้แก่ 113.40, 113.70, 114.00, 114.40, 114.70, 115.00 และ 115.50 ส่วนเป้าหมายระยะยาวของตลาดกระทิง คือ ระดับสูงสุดของเดือนธันวาคมปี 2016 ที่ 118.65 โดยมีแนวรับที่ใกล้ที่สุดที่ 112.50, จากนั้นคือ 112.00 และ 111.65

    ในส่วนสถิติเศรษฐกิจมหภาคนั้นจะมีการประกาศดัชนี GDP ของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ในวันพุธที่ 8 ธันวาคม ดัชนีนี้คาดว่าจะขยับจากติดลบ (-0.8% ในไตรมาสที่ 2) เป็นบวกปานกลางคือ 0.4%

คริปโตเคอเรนซี: ตลาดทรุดตัวข้ามคืน

  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดคริปโตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บิทคอยน์และอีธีเรียมรวมถึงดัชนีหุ้นและความต้องการในความเสี่ยงของนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ แต่ก็เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น ตลาดคริปโตร่วงลงช่วงข้ามคืนวันศุกร์เข้าวันเสาร์ โดยมูลค่าลดลงมา 20% คู่ BTC/USD กลับสู่ระดับเดิมเมื่อสิบสัปดาห์ก่อนหน้า โดยปรับลดลงเหลือ $41,620 ในขณะที่คู่ ETH/USD ปรับลดลงมาที่ $3,510 และสิ่งนี้เกิดขึ้นแม้ว่าอีธีเรียมจะพยายามทำระดับสูงสุดใหม่เมื่อสามวันก่อนที่ราคาขึ้นไปถึง $4.771

    เหตุผลที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นยังไม่มีความชัดเจน ณ ขณะที่เขียนรีวิวฉบับนี้ แต่ทั้งหมดดูเหมือนว่าบางคนกำลังเก็งกำไรจากตลาดเล็ก ในขณะที่นักลงทุนรายใหญ่กำลังหลับใหลรอวันทำการในสัปดาห์ถัดไป คำอธิบายนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการที่ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นมาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากทรุดลง บิทคอยน์ขึ้นมา 15% มายังระดับ $48,000 โดยมีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มขาลงนี้ได้ช้อนเหรียญอย่างรวดเร็วที่ราคา “ส่วนลด” แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการคาดเดาก็ตาม

    ประธานาธิบดีเอล ซัลวาดอร์ ได้ฉวยโอกาสจากช่วงที่ราคาบิทคอยน์ร่วงลง โดยประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล ได้เข้าซื้อเหรียญอีก 150 BTC ทำให้วอลเล็ตของเขามีเหรียญทั้งสิ้น 1,370 เหรียญ จริงอยู่ที่ในขณะเดียวกัน เขาบ่นว่าเขานอนหลับในช่วงที่ตลาดดิ่งลงไปแค่ 7 นาที ทำให้เขาต้องจ่ายเงินประมาณ $48,000 ต่อเหรียญ

    ณ ขณะที่เขียนบทวิเคราะห์ฉบับนี้ในช่วงกลางวันวันที่ 4 ธันวาคม มูลค่ารวมในตลาดคริปโตอยู่ที่ $2.2 ล้านล้านดอลลาร์ และดัชนี Crypto Fear & Greed Index ปรับจากโซนตรงกลางที่โซนหวาดกลัวอย่างยิ่ง (Extreme Fear) เป็นที่ระดับ 25 จุด (เมื่อ 47 สัปดาห์ที่แล้ว)

    ไนเจล กรีน ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษา deVere Group ชี้ว่า นักลงทุนควรซื้อบิทคอยน์ในขณะนี้ เพราะว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้า “ช่วงหวาดวิตกคือเวลาที่ควรเข้าซื้อ BTC” เขากล่าว

    มาร์ก ยุสโก ซีอีโอของ Morgan Creek Capital Management เป็นผู้ที่เชื่อว่านักลงทุนไม่ควรถูกหลอกโดยความผันผวนรายวันของราคาบิทคอยน์ เขามองว่าไม่ใช่ว่าบิทคอยน์นั้นดีกว่าสกุลเงินทั่วไป แต่สกุลเงินเหล่านี้ต่างหากที่กำลังย่ำแย่กว่าบิทคอยน์ “มีการแข่งขันรอบโลกเพื่อดิ่งลงเหว” กล่าวโดย นายมาร์ค ยุสโก ดังนั้น BTC จึงเป็นสินทรัพย์ออมเงินในอุดมคติในโลกที่รัฐบาลต่าง ๆ กำลังแข่งกันเพื่ออ่อนค่าค่าเงินของประเทศตนเอง

    แอนโธนี สการามัชชี ผู้ก่อตั้ง SkyBridge Capital และอดีตผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็กล่าวในลักษณะเดีวกัน “หากคุณเชื่อในปัจจัยพื้นฐานระยะยาวอย่างที่พวกเราเชื่อ นี่จึงเป็นเวลาที่ควรเข้าซื้อ ผมคิดว่าความเสี่ยงนั้นลดลงแล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน ความผันผวนของบิทคอยน์และเงินคริปโตสกุลอื่น ๆ กำลังผลักคนให้ออกจากเกม และยังล้างเลเวอเรจออกไปบางส่วน ซึ่งผมมองว่ามันจะสร้างการทะยานขึ้นในไตรมาสที่ดีไตรมาสแรก” กล่าวโดยนักการเงินรายนี้ เขายังเสริมด้วยว่าไม่เพียงแต่ปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนโยบายทางการเงินของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ยังบ่งชี้ถึงการเติบโตของราคาคริปโตเคอเรนซีในอนาคต

    เวลาจะเป็นตัวบอกว่าผู้มีอิทธิพลที่มองโลกในแง่ดีเหล่านี้คาดการณ์ถูกหรือผิด เช่น เบนจามิน โคเวน นักวิเคราะห์คริปโตและนักเทรดได้โต้แย้งไม่นานมานี้ว่า มูลค่าของบิทคอยน์จะไม่ตกลงต่ำกว่า $50,000 แต่ราคาก็ร่วงลง ในขณะเดียวกัน เราต้องพูดถึงอีกหนึ่งสัญญาณลบสำหรับนักลงทุน นักเทรดออปชันที่เดิมพันแนวโน้มขาลงของบิทคอยน์เป็นเวลาหกเดือนซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษาคม ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาของสัญญารายสัปดาห์ รายเดือน และรายสามเดือนยังปรับเป็นฝั่ง “หมี” ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้

    และในบทสรุปของรีวิวฉบับนี้ ไลฟ์แฮ็คคริปโตเหมือนเช่นเคยที่อาจไม่ค่อยจริงจังนัก เราจะมาเล่าให้คุณฟังว่ามีคนพยายามทำเงินจากคริปโตเคอเรนซีอย่างไร แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ขอแนะนำให้คุณอย่าทำตามตัวอย่างเหล่านี้

    ตำรวจในเมืองทาร์ราโกนาในสเปนได้จับกุมชายอายุ 33 ปี และหญิงรายหนึ่ง ทั้งสองได้แอบติดตั้งเครื่องขุดเหรีญบนคอมพิวเตอร์ในร้านค้า ผู้กระทำผิดสองรายนี้ได้ทำการปลอมแปลงอุปกรณ์อย่างน้อย 16 ชนิดในร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Mediamarkt และร้าน El Corte Ingles

    จากข้อมูลที่ได้รับ ผู้หญิงรายนี้เบี่ยงเบนความสนใจของพนักงานและขอความช่วยเหลือให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป ซึ่งเธออ้างว่าได้มาซื้อจากร้านค้าเหล่านี้ ในขณะเดียวกัน ชายคนที่มาด้วยก็ทำการติดตั้งโปรแกรมขุดเหรียญ Nicehash และ Anydesk เพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทางไกลจากแล็ปท็อปตัวอย่างในร้านค้า

    เครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปรุ่นใหม่ต้องทำงานเต็มประสิทธิภาพและก่อให้เกิดความสงสัยในหมู่ที่ปรึกษาในการขาย กล้องวงจรปิดของร้าน Mediamarkt จับภาพผู้ต้องสงสัยดังกล่าวมาที่ร้านค้าด้วยกันทั้งหมดสามครั้ง และตำรวจก็ตรวจเจอผู้กระทำผิดได้จากวิดีโอจากกล้องวงจรปิด

    ในที่นี่จึงต้องยกอีกหนึ่งตัวอย่างการขุดเหรียญคริปโตที่ผิดกฎหมาย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ Cybersecurity Action Team พบว่า 86% ของบัญชีที่ถูกโจรกรรมบนแพลตฟอร์ม Google Cloud นั้นถูกนำมาใช้ในการขุดเหรียญ และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการกระทำผิดนี้โหลดอยุ่ที่ค่าเฉลี่ย 22 วินาทีหลังจากการโจรกรรม

    ในหลายกรณี ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงบัญชีเนื่องด้วยการป้องกันในระดับต่ำซึ่งเป็นความผิดของฝั่งผู้ใช้งานเอง ดังนั้น ผู้อ่านที่รักทั้งหลาย โปรดระมัดระวังให้มากที่สุด

 

กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา