เมษายน 25, 2020

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD ในสหรัฐฯ การตัดสินใจจัดสรรเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฝั่งยูโรโซน กระบวนการต่าง ๆ ต้องอาศัยการหารืออย่างยาวนานกว่าจะได้มาซึ่งข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิก สิ่งนี้จึงส่งผลเป็นแรงกดดันต่อยูโร การประชุมเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา คณะมนตรียุโรปดูเหมือนจะเห็นชอบในข้อตกลงมาตรการกระตุ้นเศราฐกิจ โดยมีการเสนอให้จัดตั้งกองทุนฟื้นฟู (Recovery Fund) เป็นจำนวนเงินประมาณ €1 ล้านล้านยูโร แต่พวกเขายังไม่สามารถตกลงกันอย่างชัดเจนได้ว่าจะจัดสรรเงินจำนวนนี้มาจากไหน
    รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินฉีดอัด สัปดาห์ที่แล้วได้มีการตัดสินให้อุดหนุนเงินรอบถัดไปเกือบ $0.5 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเงินส่วนใหญ่นี้จะนำไปช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก เห็นได้ชัดว่า มาตรการเหล่านี้เริ่มเห็นผล อย่างน้อยจำนวนผู้ขอใช้สวัสดิการว่างงานลดลง 15% ในสหรัฐฯ ในขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าขยับขึ้นจาก -0.8% ถึง 0.1%
    ผลลัพธ์จากการกระจายของแรงทำให้เงินยูโรอ่อนค่าอย่างเรียบ ๆ ประมาณ 100 จุด ซึ่งเป็นไปตามบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของเรา (60%) ที่คาดการณ์ว่าจะเห็นราคาในโซนแนวรับที่ 1.0750 ตามมาด้วยการปรับตัวของราคาและปิดตลาดที่ 1.0820
  • GBP/USD การคาดการณ์อนาคตเงินปอนด์อังกฤษในหมู่นักวิเคราะห์ค่อนข้างกำกวมในครั้งที่แล้ว โดยการเคลื่อนที่ของราคาทำนายได้ถูกต้องที่สุดโดยการวิเคราะห์กราฟ ซึ่งชี้ว่าราคาจะลดลงในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์ และจากนั้นจะกลับตัวขึ้นทิศเหนือในครึ่งที่สอง สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมีดังนี้: ในตอนต้นราคาขยับลงมายังกรอบด้านล่างที่ระดับ 1.2245 จากนั้นขยับขึ้นไปที่ 1.2415 และปิดตลาดห้าวันทำการในโซน 1.2365
  • USD/JPY โซน 107.00 เป็นโซนระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญเป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีติดต่อกัน ซึ่งราคาขยับมาใกล้กับระดับดังกล่าวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (70%) คาดการณ์ว่าตลาดหมีจะพยายามตัดทะลุระดับนี้จากบนลงล่าง ซึ่งได้ตัดผ่านจริงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ความพยายามทั้งหลายนั้นไม่สำเร็จเลยสักครั้ง ตลาดหมีเข้าสู่โซนแนวรับและขยับอยู่ในช่วงแคบ ๆ ที่ 107.25-108.00 และปิดตลาดที่ระดับ 107.40
  • คริปโตเคอเรนซี สัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ประสบความสำเร็จสำหรับบิทคอยน์ ในครึ่งแรกของสัปดาห์เป็นการต่อสู้กันเพื่อยืนราคา $7,000 เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) จนชัยชนะท้ายที่สุดเป็นของฝั่งกระทิง เมื่อพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน ราคาบิทคอยน์ทะยานขึ้น $7,750 ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดที่บิทคอยน์ทะยานขึ้นหลังจากตลาดทรุดตัวลงเมื่อวันที่ 12-13 มีนาคม ดังนั้น ราคาจะขยับขึ้นกว่า 100% นับจากช่วงเวลาดังกล่าว
    นอกเหนือไปจากเหตุการณ์ฮาล์ฟเหรียญ BTC ที่จะมาถึง นักวิเคราะห์หลายท่านมองว่าตลาดเงินคริปโตยังหนุนโดยความสัมพัมธ์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างบิทคอยน์และตลาดหุ้นอเมริกา (S&P500) และน้ำมัน บิทคอยน์ยังคงเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง แต่ค่อย ๆ เพิ่มความดึงดูดและความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุนรายใหญ่ จากรายงานของ Bloomberg ระบุว่า ขณะนี้โลกเรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติและประเทศต่าง ๆ กำลังพิมพ์เงินจำนวนมหาศาล บิทคอยน์จึงมีโอกาสทุกทางที่จะกลายเป็นทองคำเวอร์ชันสกุลเงินดิจิตอล และนักวิจัยทั้งหลายเชื่อว่า บิทคอยน์จะทำหน้าที่นี้สำเร็จ
    หลังจากราคา BTC/USD ขยับขึ้นไปที่ $7,750 ตามมาด้วยการรีบาวด์ของราคาและเมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน ราคาเคลื่อนที่ในช่องด้านข้างในกรอบแคบ ๆ ที่ $7,440 - 7,600 มูลค่าตลาดรวมของเงินคริปโตผ่านระดับที่ $215 พันล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ในตลอดสัปดาห์ และดัชนี Crypto Fear & Greed Index ขยับจาก 15 เป็น 20
    สำหรับอัลท์คอยน์สกุลหลักมีแรงเติบโตน้อยกว่ามาก Ethereum (ETH/USD) เติบโต 8%, Ripple (XRP/USD) -  2.5% และ Litecoin (LTC/USD) กลับสู่จุด Pivot Point ในช่วงครึ่งแรกของเดือนเมษายน
  • ตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากบริษัทโบรกเกอร์ NordFX ให้บริการลูกค้าไม่เพียงแต่การเทรดในตลาดฟอเร็กซ์และเงินดิจิตอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการธุรกรรมกับหุ้น ดัชนีหุ้น และการลงทุนในกองทุนเพื่อการลงทุนพิเศษ เราจึงตัดสินใจขยายบทรีวิวของเราให้ครอบคลุมตลาดที่สำคัญภาคนี้
    ล่าสุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้นจากข่าวการเห็นชอบผ่านกฎหมายจัดสรรเงินสนับสนุนเพิ่มเติมเป็นจำนวน $484 พันล้านเหรียญ การเติบโตของสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง รัฐในสหรัฐฯ สองรัฐได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการกักตัวแล้วส่วนหนึ่ง และอีกหลายรัฐกำลังรอดำเนินการต่อ ในยุโรปได้มีการผ่อนคลายมาตรการกักกันโรคแล้วในหลายประเทศ
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำบริการออนไลน์ เช่น Amazon, Netflix, Apple แสดงผลประกอบการที่ยอดเยี่ยม  Amazon ถือเป็นทางเลือกการบริโภคของลูกค้า และ Apple และ Google เป็นบริการด้านการสื่อสาร แต่หุ้นของบริษัทน้ำมันในกรณีที่ราคาฟิวเจอร์ “น้ำมันดิบ” ถึงระดับติดลบไม่เป็นที่น่าประทับใจต่อนักเทรดและเจ้าของที่เปิดตำแหน่งซื้อ

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้

  • EUR/USD ธนาคารเฟดสหรัฐฯ ยังคงพิมพ์ธนบัตรจำนวนมหาศาลเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด ซึ่งในทางทฤษฎีจะต้องทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง แต่นี่เป็นเพียงทฤษฎี ตามคำทำนาย การขาดดุลสหรัฐฯ จะอยู่ที่ $3.8 ล้านล้านเหรียญหรือ 18.6% ของ GDP หนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเป็น 107% ของ GDP อย่างไรก็ตาม อัตราการชำระหนี้จะคงอยู่ที่ระดับเดิมที่ 2% ของ GDP สิ่งนี้เป็นผลจากมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ความต้องการสำหรับหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จากภาพนอกยังสูง ซึ่งให้โอกาสเพิ่มเติมแก่ธนาคารเฟดในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น แน่นอนว่าทั้งหมดนี้จะไม่ช่วยให้สหรัฐฯ รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่จะส่งผลให้การคาดการณ์ความเสียหายต่อเศรษฐกิจยุโรปเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น
    ในบรรดาเหตุการณ์ที่สำคัญมากที่สุดทั้งหมด อันดับแรกเราจะให้ความสนใจกับการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเฟดและธนาคารยุโรป และการแถลงความเห็นของพวกเขาในวันที่ 30 เมษายน นอกจากนี้ในวันพฤหัสบดีจะมีการประกาศชุดดัชนีเศรษฐกิจมหภาคหลายตัวด้วยกัน ได้แก่ สถิติจากตลาดแรงงานในเยอรมนี สหรัฐฯ และยูโรโซน อีกทั้งเราจะได้ทราบเกี่ยวกับภาวะตลาดผู้บริโภคและ GDP ของยูโรโซน
    ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันในวันพุธจะมีการประกาศสถิติ GDP ของสหรัฐฯ และในวันศุกร์จะมีการประกาศดัชนีภาคการผลิต ISM ของสหรัฐฯ พร้อมดัชนีการจ้างงาน
    ณ ขณะที่เขียนบทวิเคราะห์นี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (80%) สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 70% และอินดิเคเตอร์เทรนด์บนกรอบ D1 คาดการณ์ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นต่อไป และราคาคู่นี้จะปรับลดลง แนวรับอยู่ที่ 1.0775, 1.0725 โดยมีเป้าหมายที่ 1.0650
    มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% ที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของคู่นี้จากผลการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ H4 โดยมีแนวต้านที่ 1.1000, 1.1065, 1.1100 และ 1.1150

บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ คริปโตเคอเรนซี ตลาดหุ้น ประจำวันที่  27 เมษายน - 1 พฤษภาคม 20201

  • GBP/USD อย่างที่เราเคยได้เขียนไปแล้ว สหราชอาณาจักรน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากไวรัสโคโรนา ความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจจากเบร็กซิตก็ยังไม่หายไปไหนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนหวังว่าประเด็นสุดท้ายในการแยกตัวออกจากอียูจะถูกเลื่อนกำหนดออกไปอีกนานขึ้นหรืออย่างน้อย ในสถานการณ์ปัจจุบันเช่นนี้ อังกฤษจะสามารถต่อรองให้ได้มาซึ่งข้อกำหนดที่เป็นประโยชน์มากกว่าเดิมจากอียู
    ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เช่นเดียวกับในกรณีของ EUR/USD คาดการณ์ว่าราคาจะลดลง อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้มีจำนวนน้อยกว่ามากแค่ 60% ส่วนอินดิเคเตอร์เทรนด์ 85% และออสซิลเลเตอร์เพียง 40% ในกรอบ D1 ให้สัญญาณสีแดง ออสซิลเลเตอร์ 15% โหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้นของราคาคู่นี้ ส่วนที่เหลือยังคงเป็นกลาง ส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 คาดการณ์ว่า ในตอนต้นราคาน่าจะตกลงมายังระดับ 1.2200 จากนั้นจะขึ้นไปที่ 1.2525
    แนวรับได้แก่ 1.2245, 1.2200, 1.2165, 1.2000 ส่วนแนวต้านได้แก่ 1.2485, 1.2525, 1.2650 และ 1.2725
  • USD/JPY ดูไม่มีใครให้ความสนใจกับคู่นี้ในขณะนี้ และไม่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะมีท่าทีอย่างไรในการประชุมวันอังคารที่ 28 เมษายนนี้ ก็จะไม่ส่งผลต่อทัศนคติของนักลงทุน โดยมีแนวโน้มว่าไม่น่าจะมีข่าวเซอร์ไพรส์ใด ๆ จากธนาคารกลางญี่ปุ่น
    อินดิเคเตอรืบนกรอบเวลาทั้งสองมีสีแดงปกคลุม (75-100%) ซึ่งชี้ว่าตลาดหมจะพยายามตัดทะลุแนวรับที่ 107.00 อีกครั้ง ซึ่งหากสำเร็จ ราคาอาจตกลงมาที่ระดับ 105.80 เป้าหมายถัดไปคือ 105.00 และ 104.40 แต่ด้วยความผันผวนที่ต่ำเป็นอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา โอกาสทำสำเร็จนี้มีน้อยมาก
    ผู้เชี่ยวชาญมองว่าราคาน่าจะขยับอยู่ในช่วงที่ติดอยู่แคบ ๆ ดังนั้นต่างจากผลวิเคราะห์ของอินดิเคเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นที่ต่างกันไปเกือบเท่า ๆ กัน: 55% สนับสนุนแนวโน้มขาลง 45% ขาขึ้น และแนวต้านใกล้ที่สุดอยู่ที่ 108.00 ตามมาด้วย 108.50 และ 109.50
  • คริปโตเคอเรนซี เริ่มมีเสียงกล่าวขานมากขึ้นว่าปีนี้จะเป็นปีที่ประสบความสำเร็จของบิทคอยน์ เหตุผลนอกเหนือไปจากการฮาล์ฟเหรียญในเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นที่พูดถึงหลายครั้ง ภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นลบ การพิมพ์ธนบัตรอย่างไม่จำกัดโดยธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ การจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันที่ลดลง ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ทำให้ Eric Voorhees ซีอีโอ ShapeShift เชื่อว่าในช่วงสิบสองเดือนข้างหน้าอัตราแลกเปลี่ยนบิทคอยน์จะสูงถึง $50,000 โดยมีโอกาสความเป็นไปได้ 80%
    Anthony Pompliano ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเพื่อการลงทุน Morgan Creek Digital เห็นด้วยกับ Voorhees โดยประกาศว่า BTC อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่เทรนด์ระยะยาวใหม่: จากระดับปัจจุบันถึง $100,000
    อีกหนึ่งบทวิเคราะห์เป็นของ Dave the Wave นักวิเคระห์เงินคริปโต ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019 เขาำทนายไว้อย่างถูกต้องว่า BTC จะปรับตัวลดลงจาก $11,600 เหลือ $6,000 ภายในสิ้นปี โดยระบุว่าราคาบิทคอยน์อยู่ในช่วงขาลงแบบพาราโบลิค ปัจจุบันเขาได้อัปเดตคำทำนายระยะยาวโดยใช้โมเดลเส้นโค้งจากราคา BTC ในอดีต เขามองว่าความผันผวนของบิทคอยน์จะลดลง แต่จะเผชิญกับราคาขึ้นและลงไม่กี่ครั้ง Dave the Wave คาดการณ์ว่า บิทคอยน์จะเติบโตขึ้นเป็น $130,000 ภายในปี 2023 และจากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงเหลือ $40,000 ก่อนที่จะเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ และภายในปี 2029 ราคาอาจขยับถึง $400,000
    นักวิเคราะห์ Bloomberg คาดการณ์การผันผวนที่ลดลงใมนภาพรวมระยะกลาง และในที่นี้พวกเขาตั้งข้อสังเกตที่สำคัญว่า: ในช่วงความผันผวนที่ต่ำผิดปกติเช่นนี้เหมือนกับช่วงเดือนตุลาคมปี 2015 ที่อยู่ราคาก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2017 พวกเขาเชื่อว่าราคาจะทะยานขึ้นอีกครั้งในคราวนี้
    ผู้เชี่ยวชาญ 65% คาดการณ์ว่า BTC/USD จะเติบโตขึ้นในสัปดาห์หน้า แม้ว่าเป้าหมายจะยังคงไม่มากและห่างจาก $100,000 อีกไกล และคงไม่ต้องพูดถึง $400,000 เป้าหมายขั้นต่ำของตลาดกระทิงในความเห็นของพวกเขาคือการยืนในโซน $7,750-8.250 และจากนั้นราคาจะผลักตัวออกจากโซนดังกล่าวและตัดทะลุแนวต้านที่ $ 9,000
    ส่วนผู้เชี่ยวชาญ 35% ที่เหลือเชื่อว่าราคาจะยังคงผันผวนที่ระดับ $6,700-7,400 และในกรณีที่ตัดทะลุกรอบด้านล่าง ราคาอาจตกลงไปที่ $6,000
  • ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริการออนไลน์อย่าง Amazon, Netflix และ Apple ขึ้นนำในตลาด ส่วนในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้ เราจะได้ยินเกี่ยวกับ “ยักษ์ใหญ่ไอทีทั้ง 5”
    Amazon บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซและระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากมาตรการกักตัวอย่างชัดเจนเช่นเดียวกันกับ Netflix ซึ่ง Amazon คาดว่าจะเติบโตขึ้น 22% และ 21% ในสองไตรมาสข้างหน้า หุ้น Apple ขยับขึ้น 82% ในปี 2019 เทียบกับ 32% ของ S&P500 ในปีนี้ ซึ่งรายได้รวมลดลง 2% และรายได้ต่อหุ้น (EPS) ไม่เปลี่ยนแปลง
    ในไตรมาสที่สอง EPS ของ Google และ Facebook คาดการณ์ว่าจะเติบโต 35% ปีต่อปี และจะส่งผลในทางบวกต่อผลประกอบการรายได้ บริษัท Microsoft คาดว่าจะเติบโตอย่างเข้มแข็งในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งผิดปกติอย่างยิ่งในกรณีการกักตัวและคำสั่งห้ามประชาชนเดินทาง

 

กลุ่มการวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้


« การวิเคราห์ตลาดและข่าว
รับการฝึก
มือใหม่ในตลาดใช่ไหม?ใช้ส่วน เริ่มฝึกฝน เริ่มฝึกฝน
ติดตามเรา (ในโชเซียลเน็ตเวิร์ค)