กันยายน 10, 2020

ฟอเร็กซ์คืออะไร? นี่คือตลาดที่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา มีเงินหมุนเวียนมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน! (เมื่อเทียบกับเงินหมุนเวียนในตลอดหุ้นทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นเพียง 85 พันล้านดอลลาร์”เท่านั้น” ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเกือบ 60 เท่า)

ฟอเร็กซ์สร้างขึ้นมาเพื่อกิจกรรมทางพาณิชย์ระหว่างประเทศ แต่ปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงบริษัทเท่านั้นที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ แต่ยังรวมถึงนักเทรดรายย่อยที่สามารถเข้าถึงการเทรด ตลอดจนนักลงทุนที่มีความต้องการทำกำไรจากราคาที่ผันผวน

ในบทความฉบับนี้ เราจมาดูประวัติการปรากฏตัวและการก่อตั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ผู้ร่วมตลาดแห่งนี้ รวมถึงหลักการในการเทรด

ฟอเร็กซ์เป็นตลาดแลกเปลี่ยนหรือไม่?

บ่อยครั้ง คุณสามารถพบกับความเห็นของนักเทรดบนโลกออนไลน์ที่กล่าวว่า ฟอเร็กซ์คือตลาดแลกเปลี่ยน จริง ๆ แล้วตลาดแลกเปลี่ยนนั้นเป็นแพล็ตฟอร์มการเทรดที่แยกต่างหาก ฟอเร็กซ์คือตลาดที่ซื้อขายกันโดยตรง กล่าวคือ ไม่มีแพล็ตฟอร์มร่วมกันสำหรับธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตรา

โดยหลักแล้ว ตลาดฟอเร็กซ์คือกลุ่มของผู้สร้างตลาด (ธนาคาร) ที่นำเสนอบริการให้กับทุกคนที่ต้องการแลกเงินสกุลใด ๆ ธนาคารบางแห่งผนวกรวมเป็นเครือขนาดที่ใหญ่กว่าเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมในการซื้อขายจะเชื่อมต่อกับผู้สร้างตลาดและเข้าถึงส่วนลึกของตลาด (กระดานคำสั่งสำหรับการซื้อและขายสกุลเงิน)

ประวัติตลาดฟอเร็กซ์

การปรากฏตัวขึ้นของตลาดเงินตราระหว่างประเทศสมัยใหม่นั้นย้อนไปตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา นายริชาร์ด นิกสัน เขาเป็นผู้ยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำและโอกาสในการแปลงค่าเงินอเมริกาเป็นทองคำ

ข้อตกลงเบร็ตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement) ได้รับการลงนามในปี 1944 ซึ่งเป็นการเริ่มระบบมาตรฐานเงินดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ของอเมริกันถูกใช้ตรึงกับราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้อยู่รอดไม่ถึง 30 ปี

ข้อตกลงสมิธโซเนียน (Smithsonian Accord) เป็นที่ลงนามในปี 197 เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจในขณะนั้น จริง ๆ แล้ว เอกสารฉบับนี้เองที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง โดยข้อตกลงฉบับนี้ลงนามโดยรัฐ 10 รัฐที่สถาบันสมิธโซเนียน

ข้อตกลงฉบับนี้ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจสำคัญสามประการที่ประธานาธิบดีอเมริกาอธิบายว่าเป็นข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์ ประการแรกก็คือ มีการตกลงเรื่องหลักเกณฑ์การทบทวนอัตราการแลกเปลี่ยน ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในเวลาต่อมา ในขณะเดียวกัน มูลค่าของสกุลเงินประเทศอื่น ๆ จากกลุ่มที่เรียกว่า “กลุ่มสิบประเทศ” ก็แข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์

อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญคือการกำหนดระดับจำกัดสำหรับความผันผวนในอัตราดอกเบี้ย สิ่งนี้ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการลอยตัวค่าเงินและภาวะการทรุดตัวลงหนักของค่าเงินได้ชั่วคราว

ประการสุดท้าย สหรัฐฯ เห็นชอบให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมภาษีต่างประเทศ 10% ผลลัพธ์ของข้อตกลงฉบับนี้ทำให้ราคาทองคำขึ้นมา $38 ต่อออนซ์ ความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น 2.25% และสุดท้าย มูลค่าของเงินหลายสกุลก็เปลี่ยนแปลงไป

แม้ว่าข้อตกลงสมิธโซเนียนจะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก การประชุมที่คิงสตันของประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟนั้นกลับเป็นการประชุมที่วางรากฐานตลาดฟอเร็กซ์สมัยใหม่ ลองพิจารณาดูการเปลี่ยนแปลงสำคัญในระบบการเงินโลก ดังนี้:

  1. การยกเลิกการแลกเงินดอลลาร์กับทองคำ ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา ไม่มีสกุลเงินใดที่ผูกไว้กับมาตรฐานทองคำอีกต่อไป ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
  2. ประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟสามารถเลือกระบอบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นของตนเองได้ โดยรวมแล้วมีอยู่สามประเภทด้วยกัน ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวอย่างเสรี อย่างจำกัด (มีกรอบสำหรับบางสกุลเงินและลอยตัวสำหรับบางสกุลเงิน) และแบบคงที่
  3. มีช่องทางการชำระเงินระหว่างประเทศแบบใหม่ ได้แก่ SDR (Special Drawing Rights หรือสิทธิพิเศษในการถอนเงิน
  4. ประเทศต่าง ๆ ได้รับโอกาสเพิ่มมากขึ้นในการดำเนินนโยบายการเงินที่เป็นอิสระ

ผู้เล่นสำคัญในตลาดฟอเร็กซ์

ผู้เล่นในตลาดฟอเร็กซ์ ประกอบด้วย ธนาคาร กองทุนและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ โบรกเกอร์ ศูนย์ซื้อขาย นักเทรดและนักลงทุนรายย่อย เรามาดูใกล้ ๆ เกี่ยวกับผู้เล่นในแต่กลุ่มกันเลย

ธนาคารกลาง คือ หนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญในตลาดสกุลเงิน ภารกิจหลักของธนาคารกลางคือการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของตนเองและบรรลุเป้าหมายทางการเงินและเศรษฐกิจที่กำหนด

ในความเป็นจริงของยุคสมัยใหม่นั้น ธนาคารกลางมีหน้าที่อยู่หลายประการด้วยกัน เช่น การทำตามเป้าหมายระดับเงินเฟ้อใด ๆ หรือเป้าหมายในตลาดแรงงาน โดยธนาคารฯ สามารถบรรลุเป้าหมายได้โดยการพุ่งเป้าไปที่ (ควบคุม) ระดับอัตราแลกเปลี่ยนในเวทีระหว่างประเทศ

ธนาคารกลางสามารถส่งอิทธิพลต่อตลาดค่าเงินได้ผ่านการแทรกแซงโดยตรง รวมถึงผ่านการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย หรือการส่งอิทธิพลผ่านคำพูด (เมื่อผู้บริหารมีการแถลงความเห็นที่มีนัยบ่งบอกว่าค่าเงินประเทศนั้นมีมูลค่าสูงเกินไป หรือต่ำเกินไป)

ธนาคารพาณิชย์คือ ผู้เล่นหลักในตลาดเงินตราระหว่างประเทศเช่นกัน ธุรกรรมส่วนใหญ่จะดำเนินการผ่านธนาคารเหล่านี้ พวกเขาเป็นสื่อกลางระหว่างบริษัทที่ประกอบการในกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์ยังเป็นศูนย์รวมและผู้ให้บริการสภาพคล่อง ซึ่งก็คือ ผู้สร้างตลาด (Market Maker)

องค์การทางการเงินและกองทุนต่าง ๆ ก็สำคัญเช่นกัน เป้าหมายหลักของกลุ่มนี้คือการเพิ่มเงินทุนของลูกค้าและบริหารสินทรัพย์ของพวกเขา องค์กรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ George Soros's Quantum นอกจากนี้ยังมีองค์กรต่าง ๆ ที่โด่งดัง ได้แก่ “Omaha Oracle” ของเครือบริษัท Berkshire Hathaway ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งตัวอย่างหลักนี้มีแนวโน้มต่ำที่จะใช้กลยุทธ์การลงทุนในการซื้อขายค่าเงิน แต่ชัดเจนว่าพวกเขาใช้บริการฟอเร็กซ์ในการซื้อหลักทรัพย์บนตลาดหุ้นท้องถิ่น

ดีลเลอร์และโบรกเกอร์ คือ อีกหนึ่งกลุ่มของผู้เล่นในตลาดฟอเร็กซ์ พวกเขาคือบริษัทที่ให้บริการกับนักเทรดและนักลงทุนรายย่อย ในกลุ่มนี้เองที่ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเทรด ทำธุรกรรมด้วยตนเองโดยใช้แพล็ตฟอร์มการเทรดมากมาย ฝึกฝนทักษะ และทำงานกับการวิเคราะห์และอีกมากมาย

อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์และศูนย์ซื้อขาย? ข้อแตกต่างที่สำคัญก็คือ โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างนักเทรดและตลาด ในขณะที่ศูนย์ซื้อขายหรือดีลเลอร์นั้นเป็นอีกหนึ่งผู้สร้างตลาด หรือมาร์เก็ตเมคเกอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นตลาดให้กับลูกค้าด้วยตนเอง (รับเป็นเจ้ามือเอง)

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแทบจะไม่มีดีลเลอร์แบบสมบูรณ์ 100% บริษัททั้งหมดมักจะทำงานด้วยหลักการแบบผสมผสาน สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีการซื้อขายและปริมาณการเทรดจำนวนไม่มาก พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายตรงข้าม และสำหรับนักเทรดหรือนักลงทุนรายใหญ่กว่า พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ กล่าวคือ สื่อกลางที่เชื่อมต่อระหว่างนักเทรดและผู้ให้บริการสภาพคล่อง เช่น ธนาคารระหว่างประเทศขนาดใหญ่ เป็นต้น

นักเทรดและหลักพื้นฐานในการทำงานในตลาดการเงิน

ตามที่ระบุข้างต้น นักเทรดก็เป็นผู้ร่วมในตลาดฟอเร็กซ์เช่นกัน นักเทรดคือกลุ่มคนที่รักษาระดับสภาพคล่อง ซึ่งเป็นจุดสำคัญของการเทรดค่าเงิน ผู้ร่วมตลาดเหล่านี้ทำธุรกรรมซื้อขายผ่านเทอร์มินอลการเทรดที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์

ก่อนเริ่มต้นเทรด นักเทรดจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม ในขั้นแรก คุณจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเปิดบัญชีซื้อขาย และศึกษาว่าควรจะเปิดที่ไหน คุณสามารถทำความคุ้นเคยกับข้อกำหนดการเทรดของโบรกเกอร์ NordFX และเปิดบัญชีของคุณกับบริษัทนี้

การเทรดฟอเร็กซ์เป็นเรื่องไม่ยาก แค่คุณเปิดบัญชีเทรด ดาวน์โหลดเทอร์มินอลการเทรดและเริ่มต้นซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ในการเทรดฟอเร็กซ์อย่างทำกำไรนั้น สิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องรับความรู้เพิ่มเติม พัฒนาระบบการเทรด เติมเงินในบัญชีเทรดของคุณ และติดตามความเสี่ยงของคุณอย่างระมัดระวัง ที่ NordFX การโอนเงินเข้าสู่บัญชีเทรดอาจโอนผ่านบัตรธนาคารและบัญชี รวมถึงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และแม้แต่เงินคริปโตเคอเรนซี

ในส่วนแพล็ตฟอร์มการเทรด ผู้เชี่ยวชาญของ NordFX ได้เลือกซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในชุมชนนักเทรดมืออาชีพ คือ MetaTrader (MT4) นอกจากนี้ แพล็ตฟอร์มดังกล่าวยังมีให้บริการทั้งสำหรับเวอร์ชันเดสก์ท็อป (PCs และแล็ปทอป) และสำหรับระบบปฏิบัติการทางมือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (Android และ iOS)

เทอร์มินอล MetaTrader คือ หนึ่งในทางออกสมรรถนะสูงมากที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งให้บริการชุดเครื่องมือมากมายสำหรับทั้งการเปิดคำสั่งและติดตามราคา รวมถึงการวิเคราะห์ตลาด การใช้งานบอทเทรด (Robot Advisors) และแม้แต่การทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ MetaTrader เขียนขึ้นมาด้วยภาษาแบบเปิดเผยหรือ open source ซึ่งอนุญาตให้คุณสร้างอินดิเคเตอร์ สคริปต์ และโปรแกรมอัลกอริทึม (Advisors) เป็นของตนเองที่จะทำหน้าที่เทรดให้คุณในโหมดอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์

การทำงานอย่างประสบความสำเร็จในตลาดฟอเร็กซ์นั้น นักเทรดจะต้องทำความคุ้นเคยกับประเด็นดังต่อไปนี้

  1. ประเภทการวิเคราะห์ตลาด
  2. การทำงานกับเครื่องมือการวิเคราะห์พื้นฐาน (กราฟ อินดิเคเตอร์ และข่าวสาร)
  3. การสร้างกลยุทธ์และระบบการเทรดเป็นของตนเอง
  4. ศึกษาหลักการพื้นฐานด้านการบริหารจัดการเงินและความเสี่ยง
  5. จิตวิทยาในการเทรด

การเทรดดำเนินการด้วยเงินจริง แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรดด้วยเงินจริงนั้น คุณสามารถลองฝึกฝีมือบนบัญชีทดลอง ซึ่งเป็นบัญชีฝึกหัดพิเศษที่ช่วยให้นักเทรดศึกษาเทอร์มินอลการเทรดโดยปราศจากความเสี่ยงทางการเงินใด ๆ และยังใช้ในการทดสอบกลยุทธ์ของตนเองได้อีกด้วย

คุณสามารถเปิดบัญชีทดลองกับบริษัทโบรกเกอร์ NordFX ราคาทั้งหมดที่ปรากฏบนเทอร์มินอลบนบัญชีทดลองนี้คือราคาจริง หมายความว่าคุณจะสามารถฝึกฝนในเงื่อนไขตลาดตามความเป็นจริง

ทันทีที่คุณทำการฝึกฝนเสร็จแล้ว คุณจำเป็นจะต้องเติมเงินในบัญชีเทรดและก็จะเริ่มทำงานได้ อย่างที่ระบุข้างต้น กลยุทธ์การเทรดคือสิ่งสำคัญ สิ่งนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถทำนายความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในตลาดฟอเร็กซ์ได้

กลยุทธ์ดังกล่าวอาจยืมมาใช้แหรือสร้างขึ้นโดยลูกค้าของโบรกเกอร์เอง หากพวกเขามีความรู้มากพอ กลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักเทรดคือเทคนิคการเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของอินดิเคเตอร์ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

อินดิเคเตอร์เเหล่านี้มีให้บริการเพื่อกาใช้งานอย่างง่าย ๆ ในเทอร์มินอล MT4 แต่คุณจำเป็นต้องศึกษาอย่างระมัดระวังว่าอินดิเคเตอร์แต่ละชนิดทำงานอย่างไรก่อนเริ่มใช้งานจริง ในปัจจุบัน เราสามารถจัดกลุ่มประเภทเครื่องมือออกได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้:

  1. ตามเทรนด์
  2. ออสซิลเลเตอร์
  3. อินดิเคเตอร์บ่งบอกปริมาณ
  4. อินดิเคเตอร์ที่สะท้อนความผันผวนและความแข็งแกร่งของเทรนด์

การทำงานกับแพล็ตฟอร์มการเทรด MetaTrader คุณสามารถใช้อินดิเคเตอร์หนึ่งชนิดหรือมากกว่าพร้อม ๆ กัน และเพิ่มเข้าในเครื่องมือที่คุณหรือนักเทรดท่านอื่น ๆ ได้พัฒนาขึ้นเอง

ส่วนหนึ่งของคำแนะนำในการเทรดฟอเร็กซ์

การมีกลยุทธ์การเทรดที่ดีอย่างเดียวนั้นไม่พอ สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามกฎและคำแนะนำที่เราให้ไว้ด้านล่างนี้

ศึกษาสินทรัพย์แต่ละชนิดอย่างระมัดระวัง

ก่อนที่คุณเริ่มจะทำงานกับสกุลเงินใดสกุลหนึ่ง คุณจำเป็นต้องศึกษาสินทรัพย์นั้น ๆ อย่างระมัดระวัง ข้อสำคัญคือการให้ความสนใจไม่ใช่แค่กับกราฟเท่านั้น แต่รวมถึงตารางเหตุการณ์และการประกาศสถิติทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การประชุมของธนาคารกลาง ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ สถิติตลาดแรงงาน สถิติต่าง ๆ และระดับเงินเฟ้อ

แม้ว่าคุณจะไม่ได้วางแผนที่จะเทรดตามข่าวในอนาคต คุณจำเป็นจะต้องทราบเวลาที่แน่นอนของการประกาศข่าว เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวจะส่งผลให้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดการเงิน

ทำงานอย่างเป็นระบบ

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักเทรดมือใหม่หลายคน คือ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำงานเป็นระบบได้อย่างไร แม้ว่าจะมีกลยุทธ์ที่น่าสนใจและทำกำไรได้อยู่เบื้องหลัง ผู้ร่วมตลาดกลุ่มนี้ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอารมณ์ บ่อยครั้งเบี่ยงเบนจากระบบของตนเองและเทรดแบบสุ่มตามสัญชาตญาณมากกว่า ดังนั้น พวกเขาจึงสูญเสียเงินอย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ในการเทรดนั้น วินัยคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ นักเทรดที่ขาดวินัยจะไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ที่ปฏิบัติตามระบบของตนเองอย่างเคร่งครัดมีโอกาสสูงมากกว่าที่เงินฝากของตนจะงอกเงยเพิ่มขึ้น

การควบคุมอารมณ์

อารมณ์และเรื่องของจิตวิทยามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเทรด คุณจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการกำจัดความคิดลบ ๆ ออกจากการทำงานของคุณ ข้อผิดพลาดของนักเทรดส่วนใหญ่ก็คือ เมื่อเทรดขาดทุนหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง พวกเขาจะเริ่มเทรดเพื่อพยายามจะชนะเงินคืนในทางใดก็ทางหนึ่ง โดยอาจตกอยู่ภายใต้ความโลภ และเปิดเทรดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแทนที่จะหยุดพัก

นักเทรดมืออาชีพทำการตัดสินใจบนพื้นฐานของสถานการณ์บนกราฟเป็นหลัก ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์และระบบการเทรดของพวกเขา อารมณ์ถูกตัดออกจากการทำงานโดยสิ้นเชิง หากคุณไม่สามารถรับมือกับสิ่งนี้ได้ คุณควรจะใช้โอกาสการเทรดแบบอัตโนมัติหรือการคัดลอกเทรดที่โบรกเกอร์ NordFX ให้บริการกับลูกค้า สิ่งนี้คือการใช้งาน Robot Advisers ใน MT4 และบัญชี PAMM และการคัดลอกเทรดอัตโนมัติโดยคัดลอกจากนักเทรดผู้มีประสบการณ์ในระบบ Copy Trading


« บทความมีประโยชน์
ติดตามเรา (ในโชเซียลเน็ตเวิร์ค)