มีนาคม 28, 2021

อันดับแรกเป็นบทรีวิวเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD ดอลลาร์เปลี่ยนสถานะเป็นระยะๆ มาตั้งแต่ช่วงภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มขึ้น โดยกลายเป็นไม่สกุลเงินหลบภัยก็เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน เช่น ดอลลาร์อ่อนค่าลงตอนตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2020 และตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา ดอลลาร์เริ่มขยับขึ้นขนานไปกับ S&P500 ในขณะนี้ ดัชนีนี้อยู่ในช่วงระดับสูงสุดที่ 3.795 โดยดัชนีดอลลาร์ DXY ก็อยู่ในรอบสูงสุดของปีที่ 92.72
    เหตุผลหลักของความผันผวนของ USD คือสถานการณ์ไวรัสโคโรนาและท่าทีตอบโต้ของรัฐบาลสหรัฐฯ แถมธนาคารเฟดยังให้ปริศนาอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว เดิมก่อนหน้านี้มีความชัดเจนหลังจากการประชุมของคณะกรรมการตลาดเสรี (FOMC) ว่า ธนาคารเฟดสหรัฐฯ จะไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจนถึงอย่างน้อยปี 2023 ซึ่งธนาคารฯ จะไม่เปลี่ยนหลักเกณฑ์นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณด้วยเช่นกัน ร่างกฎหมายที่ลงนามโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นมูลค่า $1.9 ล้านล้านดอลลาร์นั้นถือว่าเป็นมาตรการที่เพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจในมุมมองของธนาคารเฟด
    ไม่กี่วันต่อมา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดประกาศว่า ธนาคารกลางฯ จะค่อย ๆ ถอนตัวออกจากมาตรการซื้อสินทรัพย์รายเดือนมูลค่า $120 พันล้านดอลลาร์อย่างช้า ๆ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวอย่างเกือบสมบูรณ์ และตามคำคาดการณ์ของธนาคารเฟดชี้ว่า สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นในฤดูร้อนปีนี้
    ดังนั้น รัฐบาลและวุฒิสภาจึงอาจเริ่มมีการอภิปรายกันเกี่ยวกับการลดมาตรการ QE ในอนาคตอันใกล้ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลที่ว่ารัฐบาลของนายไบเดนกำลังหารือมาตรการกระตุ้นทางการคลังชุดใหม่มูลค่าอีก $3 ล้านล้านดอลลาร์ล่ะ?
    ตลาด “เข้าข้าง” กับนายเจอโรม พาวเวลล์ ในครั้งนี้ และดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามคำทำนายหลักของครั้งที่แล้วที่โหวตโดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (65%) EUR/USD ได้ขยับลดลง ตัดผ่านระดับแนวรับที่เส้น SMA 200 วัน ที่ 1.1825 และลดลงมายังแนว 1.1760 ซึ่งตามมาด้วยการรีบาวด์เล็กน้อยและปิดที่ 1.1790
  • GBP/USD หลังจากราคาคงอยู่ในกรอบด้านข้างมาสองสัปดาห์ที่ 1.3775-1.4000 การที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ราคาถูกกดลงมา ผู้เชี่ยวชาญ 55% ที่โหวตให้กับฝั่งตลาดหมีเป็นผู้ทำนายได้ถูกต้อง GBP/USD ขยับถึงระดับต่ำสุดที่ 1.3670 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม หลังจากนั้นก็กลับสู่กรอบด้านล่างของช่องด้านข้าง ซึ่งเปลี่ยนจากแนวรับมาเป็นแนวต้าน ตลาดปิดท้ายสัปดาห์ที่บริเวณดังกล่าวคือ 1.3790
  • USD/JPY การปรับฐานครั้งใหญ่ของคู่นี้ลงไปทิศใต้นั้นไม่เคยเกิดขึ้น เพียง 50 จุดก็เพียงพอสำหรับคู่นี้ ทำให้ราคาขยับลงมายังระดับ 108.40 ก่อนที่จะกลับทิศทางและขึ้นเหนืออีกครั้งหลังจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เป้าหมายที่ใกล้ที่สุดของตลาดกระทิงถูกกำหนดไว้ที่ระดับ 110.00 และราคาก็ขยับเกือบจะถึงระดับดังกล่าว ราคาทำระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 109.85 หลังจากนั้นก็ปรับตัวลงมาเล็กน้อย และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 109.67
  • คริปโตเคอเรนซี คำทำนายของสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเป็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากนั้นไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไรกับฝั่งตลาดกระทิง ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าการเติบโตได้หยุดลงแล้ว และบิทคอยน์ได้ตัดทะลุลงมายังกรอบด้านล่างของช่องขาขึ้นและขยับอยู่ด้านข้างในช่วง $50,000-60,000 โชคไม่ดีที่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสำหรับนักลงทุน คู่ BTC/USD อยู่ที่ระดับ $60,000 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม แต่ก็ตกลงมายังระดับ $50,290 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม และหากบิทคอยน์ดิ่งลงมา 16% อัลท์คอยน์ยอดนิยมบางส่วนก็มีมูลค่าลดลงกว่า 25%
    หนึ่งในเหรียญที่เป็นผู้ชนะคือ Ripple โดยราคาเริ่มต้นที่ $0.4652 เมื่อเจ็ดวันก่อนหน้า ราคาทำระดับสูงสุดที่ $0.5955 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม และซื้อขายอยู่ที่ $0.5450 เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 26 มีนาคม
    โดยทั่วไป อย่างที่เราทำนายกันไว้ ตลาดเงินคริปโตปรากฏว่าคุกรุ่นเป็นอย่างมาก คำพูดของนายอีลอน มัสก์ ว่าบิทคอยน์จะได้รับการยอมรับในการชำระเงินซื้อรถยนต์ Tesla ซึ่งจะไม่แปลงต่อเป็นดอลลาร์ก็ไม่ช่วยพยุงราคาแต่อย่างใด ข้อมูลดังกล่าวอาจช่วยดันราคาขึ้นสูงก่อนหน้านี้ แต่ในขณะนี้ก็ทำได้เป็นเพียงแรงกระเพื่อมเล็ก ๆ ระยะสั้นเท่านั้น
    อ้างอิงจาก นายแอนโธนี สการามูชชี ซีอีโอของ Skybridge Capital และอดีตผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของทำเนียบขาว Tesla มีเงิน BTC จำนวนประมาณ $1.5 พันล้านดอลลาร์ในขณะนี้ โดยรวมแล้ว นายอีลอน มัสก์ เป็นเจ้าของบิทคอยน์มากกว่า $5 พันล้านเหรียญผ่าน Tesla, SpaceX และส่วนตัวของตัวเอง บางทีนี่อาจจะไม่พออีกต่อไป และบิทคอยน์จะเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากกว่า Tesla หรือ MicroStrategy เพื่อจะดันตลาดขึ้นไป
    แต่คำพูดเพียงไม่กี่คำจากธนาคารเฟดสหรัฐฯ ก็เพียงพอที่จะกดราคาต่ำลง นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณภาพของบิทคอยน์ในฐานะเครื่องมือในการออมเงินและชำระเงิน ในช่วงคำแถลงของเขาที่งานประชุมเสมือนจริงของธนาคาร Bank for International Settlements เขาได้เน้นถึงความผันผวนสูงของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งในมุมมองของเขานั้นไร้ประโยชน์ในฐานะสื่อกลางในการออมเงิน “เงินเหล่านี้ไม่มีอะไรรองรับและใช้ในการเก็งกำไร จึงไม่ใช่สื่อกลางในการชำระเงินที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษแต่อย่างใด สินทรัพย์คริปโตน่าจะเข้ามาแทนที่ทองคำมากกว่าดอลลาร์” เขากล่าว
    แนวโน้มขาลงของ BTC/USD ได้รับผลกระทบจากดัชนีขาลงของ S&P500 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสินทรัพย์ความเสี่ยงอย่าง “ทองคำดิจิทัล” เช่นนี้เริ่มมีความสัมพันธ์มากขึ้นเรื่อย ๆ นักเทรดปิดตำแหน่งมากกว่า 240,000 ตำแหน่งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และมูลค่ารวมในตลาดคริปโตลดลงจาก $1,805 พันล้าน เหลือ $1,680 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดัชนี Crypto Fear & Greed ขยับจาก 71 ไปยังโซนตรงกลางในช่วงสัปดาห์และอยู่ที่ 54 ซึ่งเป็นช่วงคงที่ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้นี่อาจเป็นแค่ภาวะนิ่งสงบก่อนพายุจะโถมเข้ามา

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD มีปัจจัยหลักสามประการด้วยกันที่อยู่ข้างเงินดอลลาร์ ปัจจัยประการแรกคือ ความสำเร็จของการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ไม่เพียงแต่ผลลัพธ์ที่บรรลุแล้วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัญญาของประธานาธิบดีไบเดนที่จะฉีดวัคซีนให้กับคน 200 ล้านคน ในช่วง 100 วันแรกของรัฐบาลเขาอีกด้วย ปัจจัยที่สอง คือ ความน่าดึงดูดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของพันธบัตรรัฐบาลสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และประการที่สาม คือ ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีความสามารถที่จะพยุงเศรษฐกิจของหลายประเทศขึ้นไปด้วยกันได้
    ยุโรปไม่มีปัจจัยหนุนเหล่านี้ นายหลุยส์ เดอ กวินโดส รองประธานธนาคารกลางยุโรป เคยกล่าวไว้ว่า หากการฉีดวัคซีนในยูโรโซนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในฤดูร้อนนี้ ยุโรปก็จะเจอกับแนวโน้มเศรษฐกิจขาขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 3 และ 4 แต่นี่ก็เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น
    ในขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 70% คาดการณ์ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นต่อไปและคู่ EUR/USD จะปรับลงมายังโซน 1.1640-1.1700 เป้าหมายต่ำสุด คือ ระดับต่ำสุดของเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2020 บริเวณ 1.1600 คำทำนายนี้ได้รับการสนับสนุนโดยอินดิเคเตอร์เทรนด์ 85% ในกรอบ H4 และ 100% ในกรอบ D1 รวมถึงออสซิลเลเตอร์ 75% ในกรอบ D1
    ส่วน 25% ที่เหลือให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในช่วง oversold
    ทั้งนี้ การวิเคราะห์กราฟชี้ว่า ยูโรอาจแข็งค่าขึ้นไปที่ 1.1880 ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้าบนทั้งสองกรอบเวลา และราคาจะขยับลงทิศใต้หลังจากนั้นเท่านั้น
    อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องเน้นก็คือ เมื่อปรับเป็นการวิเคราะห์จากรายสัปดาห์เป็นรายเดือน มีนักวิเคราะห์ 60% แล้วที่โหวตว่าคู่ EUR/USD จะขยับขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ 1.2000 และ 1.2200
    สำหรับเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศสถิติตลาดผู้บริโภคในเยอรมนีในวันที่ 30 มีนาคม และยูโรโซนในวันที่ 31 มีนาคม ที่ควรให้ความสนใจ รวมถึงสถิติตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 31 มีนาคม (รายงาน ADP) และในวันศุกร์ที่ 2 เมษายน (NFP) ถ้อยแถลงของประธานาธิบดี โจ เดน ในวันที่ 31 มีนาคมก็น่าจับตามองเช่นกัน ตลาดจะเฝ้ารอสัญญาณจากเขาเกี่ยวกับท่าทีของรัฐบาลในการเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 29 มีนาคม - 2 เมษายน 20211

  • GBP/USD เราจะได้ทราบสถิติ GDP สหราชอาณาจักรของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันพุธ วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม การคาดการณ์ชี้ว่า ดัชนีน่าจะคงอยู่ที่ระดับเดิมก่อนหน้าที่ 1% ซึ่งไม่น่าจะเพิ่มความสดใสให้กับนักลงทุน แต่ก็จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังเช่นกัน ดังนั้น 50% จึงโหวตให้กับเทรนด์ด้านข้าง 40% โหวตว่าดอลลาร์จะแข็งค่าต่อไป และมีเพียง 10% ที่ชี้ว่าเงินปอนด์จะแข็งค่าขึ้น
    การวิเคราะห์กราฟให้ผลดังนี้ ในกรอบ H4 มีออสซิลเลเตอร์ 50% ชี้ไปทางทิศเหนือ 50% ชี้ทางทิศใต้ ส่วนอินดิเคเตอร์เทรนด์ก็ให้ภาพที่คล้ายกัน ใน D1 ปกคลุมไปด้วยสัญญาณสีแดง และ 65% ของออสซิลเลเตอร์ และ 70% ของอินดิเคเตอร์เทรนด์ก็ให้สัญญาณสีแดงเช่นกัน
    ระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุด คือ 1.3760, 1.3700, 1.3670 แนวต้าน ได้แก่ 1.3820, 1.3900, 1.3960 โดยเป้าหมายคือ 1.4000 และ 1.3600 ตามลำดับ
  • USD/JPY คู่ราคานี้ขยับถึงระดับสูงสุดในรอบเก้าเดือนที่ 109.85 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่น่าประทับใจเกือบ 730 จุด ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา สิ่งนี้ชี้ว่าสกุลเงินที่ปลอดภัยอย่างเงินเยนตอนนี้เริ่มได้รับความสนใจเล็กน้อยจากนักลงทุน
    ทั้งนี้ ยังไม่มีแนวโน้มที่ดัชนี Tankan จะส่งผลต่อตลาดเท่าใดนัก ดัชนีประกาศโดยธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะของภาคธุรกิจโดยรวมสำหรับบริษัทการผลิตขนาดใหญ่ ดัชนี Tankan เป็นดัชนีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเป็นหลัก ตัวเลขดัชนีที่มากกว่า 0 จะเป็นผลบวกต่อเงินเยน ส่วนตัวเลขที่ต่ำกว่า 0 จะเป็นผลลบ อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ชี้ว่า ดัชนีนี้ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายนนี้นั้นจะไม่สูงหรือต่ำกว่า แต่จะเท่ากับ 0 ซึ่งเป็นค่าปานกลาง ทั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะส่งผลดีต่อค่าเงินญี่ปุ่นได้บ้าง เพราะ Tankan นั้นมีค่า -10 เมื่อไตรมาสที่แล้ว แต่มีแนวโน้มที่จะเป็นเพียงการปรับฐานเล็ก ๆ ของคู่ USD/JPY ไปทางทิศใต้
    โดยทั่วไป นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) เห็นด้วยกับตลาดกระทิง โดยคาดว่าราคาจะขึ้นไปเหนือระดับ 110.00 เป้าหมาย คือ 111.70 และ 112.20 ส่วนอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 75% เห็นด้วยกับแนวโน้มดังกล่าว ด้าน 25% ที่เหลือให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในช่วง overbought
    ผู้เชี่ยวชาญ 40% ที่เหลือ สนับสนุนโดยการวิเคราะห์นั้นยังคงหวังมาอย่างยาวนานแล้วให้ราคาปรับฐานลงมาทิศใต้ ในขณะเดียวกัน เมื่อเราปรับการวิเคราะห์จากรายเดือนเป็นรายไตรมาส จำนวนผู้ที่เห็นด้วยเพิ่มเป็น 75% โดยให้แนวรับของคู่นี้ในกรณีขาลงไว้ที่ 109.00, 108.60, 108.40, 106.65 และเป้าหมายอยู่ที่โซน 106.00
  • คริปโตเคอเรนซี เป็นที่สังเกตกันว่าไม่ใช่แค่ต้นไม้เท่านั้นที่จะเติบโตในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่รวมถึงราคาบิทคอยน์เช่นกัน BTC/USD เคยขยับขึ้นมาในเดือนเมษายนโดยเฉลี่ย 40% ในช่วงสามปีที่ผ่านมา กล่าวคือ ในครั้งนี้ ราคาน่าจะขึ้นไปถึง $70,000-75,000 ภายในปลายเดือนเมษายน ตำแหน่ง Call ของออปชันที่หมดอายุในวันที่ 30 เมษายน แสดงถึงการคาดการณ์แบบเดียวกัน โดยมีการเปิดที่ราคา $80,000 ในตลาดอนุพันธ์เป็นมูลค่ารวมถึง $240,000,00 การถอนตัวเข้าสู่กระเป๋าเงินเย็นอย่างคึกคักนั้นอาจมีผลต่อไปเมื่อคนเริ่มจับตาดูวัฎจักรการเติบโตรอบใหม่ของบิทคอยน์
    เราเคยพูดถึงมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้งเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จำนวน $1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตามงานวิจัยของ Mizuho Securities ประชาชนชาวอเมริกันอาจใช้เงิน $20-25 พันล้านดอลลาร์ไปกับการซื้อเหรียญคริปโต หลังจากมาตรการต้านโควิดชุดนี้ก็อาจจะตามมาอีกมาตรการชุดหนึ่งมูลค่า $3 ล้านล้านดอลลาร์ และหากได้รับการอนุมัติ นี่ก็อาจส่งผลดีต่อตลาดคริปโตด้วยเช่นกัน
    แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของอนาคต ในระหว่างนี้ นักวิเคราะห์จำนวน 60% เชื่อว่า คู่ BTC/USD จะขยับตามแนว Pivot Point ที่ $50,000 ในช่วงหนึ่งหรือสองสัปดาห์ข้างหน้า โดยผันผวนอยู่ในช่วง $46,500-56,000
    หากเราพูดถึงการคาดการณ์ในระยะยาว นายบ็อบบี ลี ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอตลาดแลกเปลี่ยน BTCC ชี้ว่า ราคาบิทคอยน์อาจขยับขึ้นไปถึง $300,000 หลังจากนั้นการเติบโตจะถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มขาลงระยะยาว “วัฎจักรกระทิงของบิทคอยน์จะเกิดขึ้นทุก ๆ สี่ปี และรอบปัจจุบันเป็นวัฎจักรรอบใหญ่ ผมคิดว่าบิทคอยน์อาจขึ้นไปถึง $100,000 ในฤดูร้อนปีนี้” เขากล่าว
    อย่างไรก็ตาม หลังจากราคาทำระดับสูงสุดที่ $300,000 แม้แต่การปรับลงของราคาเพียงแค่นิดเดียวก็อาจทำให้ฟองสบู่แตกได้ เขาชี้ว่า ฤดูหนาวคริปโตรอบใหม่จะกินเวลาประมาณสองหรือสามปี และ “นักลงทุนควรเตรียมรับมือถ้ามูลค่าของบิทคอยน์ตกลงมา 80-90% จากระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์”
    และในบทสรุปนี้ เราขอนำเสนอ “อุปกรณ์ปาฏิหารย์” ชิ้นถัดไปในเรื่อง "Crypto Life Hacks" ของเรา ไม่นานมานี้ WiseMining ได้นำเสนอหม้อไอน้ำหรือบอยเลอร์ Sato ASIC ที่ช่วยให้คุณสามารถทำความร้อนให้กับน้ำโดยการขุดบิทคอยน์ บอยเลอร์นี้มีน้ำยาหล่อเย็นแบบไดอิเล็กตริก ของเหลวจะต้มและทำให้หน่วยทำความเย็น ASIC ระเหยขึ้นมา ภาวะแข็งตัวจะไหลกลับเข้าสู่หน่วยทำความเย็นของตัวขุดเหรียญ นักพัฒนาได้คิดค้นให้หม้อไอน้ำนี้สามารถเชื่อมต่อกับระบบทำความร้อนของห้องได้ ซึ่งการขาย Sata จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนนี้
    และอีกหนึ่ง “life hack” จากโลกแห่งอาชญากร อีกหนึ่งงานวิจัยโดยบริษัทการวิเคราะห์ Elliptic เว็บไซต์ใต้ดินที่ใหญ่ที่สุด Hydra นั้นมีวิธีการใหม่ในการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีเป็นเงินพันธบัตร โดยมีเงินที่แพ็คแบบสุญญากาศฝังไว้ใต้ดิน 5-20 ซม. และจะให้ตำแหน่ง GPS ที่ชัดเจนกับผู้ซื้อ วิธีการเดียวกันนี้เคยเป็นที่ใช้งานในการซื้อขายสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ค่อนข้างเสี่ยงเพราะบางครั้งโจรอาจสะกดรอยตามลูกค้า และขโมย “พัสดุ” นั้นไปได้ ผลที่ตามมาในกรณีนี้จึงคาดเดาไม่ได้

 

กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้


« การวิเคราห์ตลาดและข่าว
รับการฝึก
มือใหม่ในตลาดใช่ไหม?ใช้ส่วน เริ่มฝึกฝน เริ่มฝึกฝน
ติดตามเรา (ในโชเซียลเน็ตเวิร์ค)